เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แถลงถึงมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีสำคัญ กรณีเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่อหน้าที่ราชการ กรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้นเพื่อดำเนินการไต่สวน กรณีกล่าวหาอดีตบิ๊กอัยการในจังหวัดแห่งหนึ่ง ให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานศุลกากรประจำสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อช่วยเหลือให้ไม่ต้องเปิดกระเป๋าเดินทางที่ภายในบรรจุนอแรด

โดยข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 60 อดีตบิ๊กอัยการ ได้เสนอให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานศุลกากร ประจำสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มบุคคลผู้ลักลอบนำนอแรดคละขนาด จำนวน 12 นอ/ชิ้น น้ำหนักรวม 49.4 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 170 ล้านบาท เข้ามาในราชอาณาจักร ไม่ให้ต้องถูกดำเนินคดีอาญา การกระทำของอดีตบิ๊กอัยการ จึงเป็นการให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทำการ ไม่กระทำการ หรือประวิงการกระทำอันมิชอบด้วยหน้าที่

คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า การกระทำของอดีตบิ๊กอัยการ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/5 วรรคหนึ่ง (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 176)

และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสารหลักฐาน สำเนาอิเล็กทรอนิกส์ และคำวินิจฉัยไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินคดีอาญา ตามฐานความผิดดังกล่าว ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 91 (1)

สำหรับมูลความผิดทางวินัย เนื่องจากคณะกรรมการอัยการได้มีคำสั่งลงโทษไล่ออกอดีตบิ๊กอัยการ เหมาะสมตามควรแก่กรณีแล้ว จึงไม่มีเหตุให้ต้องส่งเรื่องให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยอีก.