เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 มิ.ย.ของวิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้รับการจัดสรรงบประมาณปี 2568 จำนวน 340,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 5,000 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 3 %  ซึ่งแม้เราจะได้รับงบประมาณที่เพิ่มขึ้น แต่ยังมีข้อจำกัดที่เราโดนตัดงบประมาณออกไปอยู่ในหมวดโครงการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลา  anywhere anytime ด้วยการสร้างแพลทฟอร์การเรียนรู้ให้แก่ผู้เรียนและครู  ซึ่งศธ.ได้จัดทำคำของบประมาณในส่วนนี้ไป จำนวน 7,644,068,100 บาท  แต่ได้รับการจัดสรรเพียง 3,395,466,600 บาท โดยจำนวนงบประมาณในส่วนนี้ศธ.ที่ถูกตัดออกไปจำนวน 4,148,601,500 บาท ดังนั้นขณะนี้ศธ.กำลังจัดคำขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อเข้าสู่ชั้นพิจารณาของคณะกรรมาธิการ

ต่อข้อถามว่าหากศธ.จัดคำขอแปรญัตติงบประมาณเพิ่มเติมไปแล้วแต่ไม่ได้รับการอนุมัติตามคำขอจะส่งผลกระทบต่อนโยบายด้านการส่งเสริมผู้เรียนให้เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาหรือไม่ รมช.ศึกษาธิการ กล่าวว่าโครงการเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาหรือ anywhere anytime มีการจัดสรรอุปกรณ์ให้กับนักเรียนและครูกว่า 600,000 เครื่อง ซึ่งเป็นโครงการนำร่องในกลุ่มโรงเรียนคุณภาพและโรงเรียนขยายโอกาสชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 เพื่อให้มีทั้งตัวอย่างของโรงเรียนที่มีความพร้อมที่สามารถบริหารจัดการได้ และโรงเรียนที่อาจจะยังไม่มีความพร้อมเรื่องการบริหารจัดการ เพื่อนำมาเปรียบเทียบและหาวิธีการที่เหมาะสม ดังนั้นในตัวของโครงการดังกล่าวเราไม่ได้อยากได้เครื่องอุปกรณ์เสริมการสอนครบทุก 600,000 เครื่อง แต่ต้องการแพลตฟอร์มที่สมบูรณ์มาใช้งาน ซึ่งอาจเกิดจากความคลาดเคลื่อนในการจัดทำรายละเอียด ดังนั้นการถูกตัดงบประมาณด้านการจัดทำแพลทฟอร์มเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาออกไปแต่กลับได้อุปกรณ์เสริมการสอนครบ 600,000 เครื่องก็อาจส่งผลให้ประโยชน์จากการใช้งานเกิดความไม่สมบูรณ์ ซึ่งหากแลกได้เราของบการจัดทำเนื้อหาแพลทฟอร์มการเรียนรู้

“หากจะโดนตัดงบอุปกรณ์เสริมการเรียนการสอน 600,000 เครื่องเรายอมรับสภาพได้ เพราะสามารถจัดหาเติมเต็มได้อยู่แล้ว ซึ่งเราพูดมาตลอดว่าเครื่องอุปกรณ์เสริมการสอนสามารถแจกภายหลังได้ภายใต้งบที่จำกัด  แต่การจัดทำแพลทฟอร์มการเรียนรู้เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากนักเรียนที่มีความพร้อมด้านอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น แท็บเล็ต ไอแพด โน้ตบุ๊ก คอมพิวเตอร์ เป็นต้น ก็สามารถนำแพลทฟอร์มที่ศธ.จัดทำไว้ในคลังข้อมูลขนาดใหญ่มาใช้เรียนรู้ได้ทันที” รมช.ศึกษาธิการ กล่าว