สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ว่า เจ้าหน้าที่จากกระทรวงการสื่อสารอินโดนีเซีย กล่าวว่า ผู้คนต่อแถวยาวเหยียดที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ของท่าอากาศยานนานาชาติซูการ์โน-ฮัตตา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังระบบต่าง ๆ หยุดทำงานจากการโจมตีที่ใช้ซอฟต์แวร์ซึ่งพัฒนาโดยกลุ่ม “ล็อกบิต” (LockBit) ของรัสเซีย

“การโจมตีดังกล่าว ส่งผลกระทบต่อสถาบัน 210 แห่ง ทั้งในระดับประเทศ และระดับท้องถิ่น” นายเซมูเอล อาบริจานี ปังเกราปัน เจ้าหน้าที่อาวุโส กล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมกับเสริมว่า ล็อกบิตเรียกค่าไถ่เป็นจำนวนเงิน 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ระบบตรวจคนเข้าเมืองกลับมาเป็นปกติ เมื่อช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ผ่านมา และการฟื้นฟูบริการอื่น ๆ ที่ได้รับผลกระทบ อยู่ระหว่างดำเนินการแล้ว อีกทั้งทางการอินโดนีเซีย กำลังสืบสวนแรนซัมแวร์ที่เรียกว่า “เบรน ไซเฟอร์” (Brain Cipher) ซึ่งทำให้ข้อมูลรัฐบาลไม่สามารถเข้าถึงได้ เนื่องจากการเข้ารหัส

อนึ่ง ล็อกบิต และกลุ่มที่เกี่ยวข้อง มุ่งเป้าโจมตีรัฐบาลในหลายประเทศ, บริษัทใหญ่, โรงเรียน และโรงพยาบาล ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ และการเรียกค่าไถ่หลายสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเหยื่อ

เมื่อเดือนที่แล้ว สหรัฐ, สหราชอาณาจักร และออสเตรเลีย ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรต่อผู้นำล็อกบิต โดยกล่าวหาว่า กลุ่มนี้กระทำการขู่กรรโชกเงินหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ จากเหยื่อหลายพันราย ซึ่งตามข้อมูลของรัฐบาลลอนดอน ล็อกบิตมีส่วยรับผิดชอบต่อ 1 ใน 4 ของการโจมตีประเภทแรนซัมแวร์ทั่วโลก เมื่อปีที่แล้ว

ทั้งนี้ อินโดนีเซียมีประวัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ที่อ่อนแอ รวมถึงมีความรู้ความเข้าใจด้านออนไลน์ไม่มากนัก และเกิดปัญหาข้อมูลรั่วไหลบ่อยครั้ง.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES