การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือยูโร 2024 ประจำวันอังคารที่ 25 มิ.ย. เป็นนัดสุดท้ายของรอบแรก เตะกันเต็มอิ่ม 2 กลุ่ม 4 คู่ เริ่มตั้งแต่กลุ่ม D หวดพร้อมกันเวลา 23.00 น. ชี้ชะตาหาทีมเข้ารอบน็อกเอาต์ โดยที่สนามเบเฟาเบ สตาดิโอน ดอร์ตมุนด์ เป็นการเจอกันะหว่าง “ตราไก่” ฝรั่งเศส พบกับ โปแลนด์ ถ่ายทอดสดช่อง PPTV36 (หมายเลข 36) อีกคู่ที่สนามโอลิมเปีย สตาดิโอน “อัศวินสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ ดวลกับ ออสเตรีย ถ่ายทอดสดช่อง 32
สถานการณ์กลุ่มนี้ชัดเจนไปก่อนแล้วว่า โปแลนด์ ที่แพ้รวดตกรอบไปก่อนใครเพื่อน ขณะที่ ฝรั่งเศส และ เนเธอร์แลนด์ มีอยู่ 4 แต้มเท่ากัน ตามด้วย ออสเตรีย 3 แต้ม ทำให้ 3 ทีมนี้ถ้าใครชนะก็จะเข้ารอบน็อกเอาต์ทันที ส่วนทีมที่จบอันดับ 3 ต้องไปลุ้นว่าจะเป็นหนึ่งในอันดับ 3 ที่ดีที่สุดหรือไม่
*ตราไก่ลุ้นชนะโปแลนด์
ดิดิเยร์ เดสชองส์ กุนซือทีม “เลอ เบลอส์” ต้องการชนะเพื่อจบเป็นแชมป์กลุ่ม ซึ่งหากเนเธอร์แลนด์ชนะเหมือนกัน ก็ต้องดูที่ผลต่างประตูได้เสีย โดยความพร้อมของฝรั่งเศส คีลิยัน เอมบัปเป กองหน้าที่จมูกหักกลับมาซ้อมได้ตามปกติ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมทั้งโจนาธาน คลอสส์ และ ออเรลิยอง ชูอาเมนี ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า เอมบัปเป คุ้นเคยกับการใส่หน้ากากแล้ว และพร้อมลงล่าตาข่ายตามเดิม สื่อต่างประเทศจึงคาดว่าดาวยิงคนสำคัญจะคืนสนามเป็นตัวจริงทันที คาดว่า เอเดรียน ราบิโอต์ จะได้คู่กับ เอนโกโล กองเต ปล่อยให้ ชูอาเมนี กลับไปนั่งสำรองก่อนด้าน มิชาล โพรเบียร์ซ กุนซือทีมชาติโปแลนด์ ตกรอบเป็นทีมแรก จะส่ง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กองหน้าวัย 35 เป็น 11 คนแรกคู่กับ อดัม บุสกา แทนที่ คริสตอฟ ปิออนเทค กลับไปนั่งสำรอง
*ฝรั่งเศสเพิ่งชนะมาในบอลโลก
สถิติเจอกันมาฝรั่งเศส ชนะ 9 เสมอ 5 โปแลนด์ ชนะ 3 โดยหนสุดท้ายที่โปแลนด์ชนะต้องย้อนไปในปี 1982 ที่เอาชนะ 4-0 ในเกมอุ่นเครื่อง ส่วน 8 ครั้งหลังจากนั้นฝรั่งเศสชนะ 4 เสมอ 4 ครั้งล่าสุดเพิ่งเกิดขึ้นในฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย ฝรั่งเศส เอาชนะ 3-1 ในรอบ 16 ทีม ส่วนราคาต่อรอง ฝรั่งเศส มีโอกาสชนะสูงกว่ามากที่อัตรา 2-9 (แทง 9 ได้ 2) ความเป็นไปได้ที่จะชนะ 73.5% ส่วนโปแลนด์ อัตราต่อรอง 15-2 (แทง 2 ได้ 15) โอกาสชนะเพียง 11.4%
*กังหันลมจัดหนักออสเตรีย
โรนัลด์ คูมัน กุนซือมาดเข้มของ “กังหันลม” เนเธอร์แลนด์ แหย่ขาหนึ่งข้างเข้ารอบไปแล้ว แต่ยังคิดถึงชนะเพื่อเข้าเป็นที่ 1 ของกลุ่ม คาดว่าจะใช้แผนหลัง 3 คนรับมือคู่แข่ง เฟอร์กิล ฟาน ไดค์, นาธาน อาเก และ มาไธจ์ เดอ ลิกต์ เป็นเซ็นเตอร์แบ็ก แดนเซล ดุมฟรีส์ และ ดาลีย์ บลินด์ เป็นวิงแบ๊ก ขณะที่ โคดี กัคโป, เมมฟิส เดอปาย และ ซาวี ซิมมอนส์ เป็น 3 กองหน้า ส่วน ราล์ฟ รังนิค กุนซือทีมชาติออสเตรีย ทำผลงานได้ยอดเยี่ยม ยังมีโอกาสเป็นแชมป์กลุ่มเช่นถ้าชนะ หรือถ้าเสมอก็น่าจะเพียงพอต่อการเข้ารอบแล้วในฐานะอันดับ 3 สภาพทีมไม่มีใครเจ็บเพิ่มเติม คริสตอฟ บอมการ์ตเนอร์ และ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ที่โดดเด่นมากพร้อมลงสนาม มาร์โก อาร์เนาโตวิช เป็นกองหน้าคู่กับ ไมเคิล เกรกอริตช์
*ดัตช์ลุ้นชนะออสเตรีย8เกมติด
สถิติที่เจอกันมา เนเธอร์แลนด์ เจ๋งกว่าตามคาด ชนะ 9 เสมอ 4 แพ้ 6 โดยหนสุดท้ายที่ออสเตรียชนะเป็นเกมอุ่นเครื่องมื่อปี 1992 ด้วยสกอร์ 3-2 แต่หลังจากนั้นเนเธอร์แลนด์ คว้าชัยรวด 7 นัดติดต่อกันแล้ว ราคาต่อรอง เนเธอร์แลนด์ เป็นต่อเล็กน้อย 6-5 (แทง 5 ได้ 6) โอกาสชนะคิดเป็น 47.6% ส่วนอัตราออสเตรียชนะ 11-5 (แทง 5 ได้ 11) คิดเป็นความเป็นไปได้ 29.4%
*คู่สิงโตคำรามหวดดึกตี2
จากนั้นเวลา 02.00 น. นัดสุดท้ายของกลุ่ม C เตะพร้อมกัน “สิงโตคำราม” อังกฤษ เจอกับ สโลวีเนีย ที่สนามโคโลญจน์ สเตเดี้ยม ถ่ายทอดสดช่อง PPTV36 (หมายเลข 36) ส่วนที่สนามฟุตบอล อารีนา มึนเชน “โคนม” เดนมาร์ก ดวลกับ เซอร์เบีย ช่อง 9 MCOT (หมายเลข 30) ถ่ายทอดสด
สถานการณ์กลุ่มนี้ อังกฤษมี 4 แต้ม ถ้าชนะได้สำเร็จจะเป็นแชมป์กลุ่ม หรือต่อให้แพ้ อย่างแย่สุดก็จะจบเป็นอันดับ 3 ด้าน เดนมาร์ก และ สโลวีเนีย มี 2 แต้มเท่ากัน ต้องการชนะในเกมตัวเองเพื่อเข้ารอบ ส่วน เซอร์เบีย เพิ่งมีแต้มเดียว แต่ถ้าชนะก็มีโอกาสจบเป็นที่ 2 ต้องดูผลอีกคู่ประกอบกัน
*ผู้ดีเปลี่ยนเทรนต์นั่งสำรอง
แกเรธ เซาธ์เกต กุนซือ “สิงโตคำราม” ยังไม่แพ้ใครแต่โดนบ่นยับฟอร์มที่ไม่น่าประทับใจเลย ต้องกลับมามีฟอร์มที่ดีกว่านี้ แถมมีปัญหาเพิ่มเมื่อ คีแรน ทริปเปียร์ บาดเจ็บน่อง ขณะที่ ลุค ชอว์ ก็ยังไม่หายดี จึงอาจต้องใช้ โจ โกเมซ หรือ เอซรี คอนซา รับบทแบ๊กซ้าย แดนกลางก็จะปรับให้ คอนนอร์ กัลลาเกอร์ ลงมาแทน เทรนต์ อเลกซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยืนคู่กลางกับเดแคลน ไรซ์ ส่วนเกมรุกด้านซ้าย แอนโธนี กอร์ดอน จะแทน ฟิล โฟเดน โดยมี บูกาโย ซากา เลื้อยด้านขวาและ แฮร์รี เคน เป็นหน้าเป้า ส่วน มาเทียช เคค กุนซือสโลวีเนีย ทีมอันดับ 57 โลก ไม่แพ้ใคร 8 เกมติดแล้ว จะยึดชุดเดิมโดยมี เบนจามิน เซสโก กองหน้าตัวเก่งเป็นทีเด็ดที่อังกฤษต้องระวัง
*เจอกันมาอังกฤษไร้พ่าย
ในอดีตคู่นี้่เจอกันมา 6 ครั้งตั้งแต่ปี 2009 อังกฤษ ชนะ 5 เสมอ 1 ไม่เคยแพ้ ครั้งล่าสุดเป็นเกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ที่อังกฤษบุกเสมอ 0-0 เมื่อปี 2016 และกลับมาชนะที่เวมบลีย์ 1-0 เมื่อปี 2017 ได้ประตูชัยจาก แฮร์รี เคน ช่วงทดเจ็บนาที 90+4 ร้านรับวางเดิมพันให้อังกฤษเป็นต่อ 1-3 (แทง 3 ได้ 1) ความน่าจะเป็นที่ชนะมากถึง 75.2% สโลวีเนีย เป็นรองห่าง 17-2 (แทง 2 ได้ 17) มีโอกาสชนะเพียง 10.3% และโอกาสเสมอกัน 19%
*ผู้ดีต้องชนะไม่งั้นเบียร์รออยู่
สื่ออังกฤษรายงานว่า มีความจำเป็นมากที่อังกฤษต้องเป็นแชมป์กลุ่มให้ได้ เพราะหากเกิดพลาดท่าเป็นแค่ที่ 2 อังกฤษ จะต้องไปปะทะกับเยอรมนีในรอบ 16 ทีม และต่อให้หักด่านเจ้าภาพได้สำเร็จก็ยังอาจเจอสเปนในรอบก่อนรองชนะเลิศเรียกว่าหนักมาก แต่กลับกันหากเป็นแชมป์กลุ่มก็จะอยู่สายอีกฝั่ง โดยรอบ 16 ทีมจะเจอกับที่ 3 ของกลุ่ม D/E/F และในรอบก่อนรองชนะเลิศจะเจอกับผู้ชนะระหว่างสวิตเซอร์แลนด์กับรองแชมป์กลุ่ม B
*โคนมแย่งตั๋วดวลเซอร์เบีย
แคสเปอร์ ฮุลมันด์ กุนซือเดนมาร์ก ไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนทีมโดยเฉพาะเกมรุกที่ดีอยู่แล้ว คริสเตียน อีริคเซน อยู่หลัง ราสมุส ฮอยลุนด์ กับ โจนาส วินด์ เป็นกองหน้าคู่กัน โดยมี มอร์เทน ฮุลมันด์ และ ปิแอร์ เอมิล-ฮอยเบียร์ เป็นมิดฟิลด์คู่กลาง แผนการเล่นระบบหลัง 3 คนต่อไป ต่างจาก ดราแกน สตอยโควิช กุนซือทีมเซอร์เบีย ที่จะเปลี่ยน ซาซา ลูคิช และ อีวาน อิลิช ออกจากตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลางจากผลงานที่ไม่ดีเท่าไร น่าจะกลับมาใช้ เซอร์เกจ์ มิลินโควิช-ซาวิช ประสานงาน เนมานยา กูเดลจ์ ข้างหน้าฝากความหวังไว้ที่ อเลคซานดาร์ มิโตรวิช ดาวยิงจอมถึก และ ดูซาน วลาโฮวิช
*เดนมาร์กไม่เคยแพ้ด้วย
คู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 3 ครั้ง เดนมาร์ก สถิติชนะ 100% หนล่าสุดชนะ 3-0 ในเกมอุ่นเครื่องเมื่อปี 2022 อัตราต่อรองเดนมาร์กเป็นต่อ 6-5 (แทง 5 ได้ 6) มีความเป็นไปได้ที่จะชนะ 40.8% เหนือกว่าเซอร์เบียที่เป็นรอง 11-5 (แทง 5 ได้ 11) มีโอกาสชนะ 35.1% และโอกาสเสมอกัน 30.3%
