สาเหตุหลักของปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หัวเมืองใหญ่ และปริมณฑลมาจากการเดินทางด้วยการใช้เครื่องยนต์สันดาป นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่าจากการศึกษาการระบายมลพิษจากแหล่งกำเนิดประเภทต่างๆ ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบฝุ่นละออง PM2.5 เกิดจากภาคการขนส่งทางถนน 51% ภาคอุตสาหกรรม 21% ครัวเรือน 10% เผาที่โล่ง 6% และอื่น ๆอีก 12% โดยภาคการขนส่งทางถนนจะมาจากรถบรรทุกและรถปิคอัพที่ปล่อยฝุ่นละออง PM2.5 สูงถึง 44% และรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป จะเป็นกลุ่มที่มีอัตราการปล่อยฝุ่นละออง PM2.5 มากที่สุด เนื่องจากไม่มีเทคโนโลยีควบคุมหรือลดปริมาณฝุ่นละออง จากสถิติการจดทะเบียนรถยนต์ทั่วประเทศของกรมการขนส่งทางบก รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลจะมีสัดส่วนของรถยนต์ที่มีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี สูงที่สุด

นางสาวปรีญาพร กล่าวว่า เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 ในเมืองใหญ่ จึงพิจารณามาตรการเพิ่มความถี่การตรวจสภาพรถยนต์ประจำปีสำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป จาก 1 ครั้งต่อปี เป็น 2 ครั้งต่อปี หรือทุก 6 เดือน เพื่อให้รถยนต์กลุ่มนี้ได้รับการดูแลบำรุงรักษาที่มากขึ้น เป็นส่วนช่วยในการป้องกัน ควบคุมและลดการเกิดฝุ่นละออง PM2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพอากาศโดยรวมเพื่อให้มีข้อมูลที่รอบคอบและครบถ้วน คพ. ขอเชิญชวนร่วมแสดงความคิดเห็นต่อการกำหนดให้เพิ่มความถี่ในการตรวจสภาพรถยนต์ประจำปี

“สำหรับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและมีอายุการใช้งานมากกว่า 20 ปี ขึ้นไป จำนวน 2 ครั้งต่อปี เพื่อใช้ประกอบการพิจารณากำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 จากรถยนต์ใช้งานต่อไป สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://forms.gle/Dz7pToCKmEA5gqM27 และติดต่อสอบถาม โทร 02-2982280 ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 2 กรกฎาคม 2567” นางสาวปรีญาพร กล่าว