นายไพโรจน์ รักกันอารัตน์ สมาชิกสภาเกษตรกรเขต ลุ่มน้ำปากพนังจังหวัดนครศรีธรรมราช พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ อินทศิลา “คนข่าวตัวดำ” สื่ออาวุโส ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบแหล่งน้ำตามธรรมชาติในพื้นที่อำเภอปากพนังและหัวไทร พบปลาหมอคางดำซึ่งเป็นสัตว์ต่างถิ่นจากแอฟริกาได้เข้ามาแพร่ระบาดตามแหล่งน้ำจำนวนมาก กลายเป็นปัญหาที่ทำให้สัตว์น้ำที่มีอยู่ตามธรรมชาติหายไปทั้งหมด และปัญหายังทวีความรุนแรงและขยายพื้นที่กว้างขวางออกไปเรื่อย ๆ จึงขอให้จังหวัดนครศรีธรรมราช เร่งประกาศพื้นที่เขตภัยพิบัติในพื้นที่แพร่ระบาดคืออำเภอปากพนังและอำเภอหัวไทร เพื่อเข้าสู่มาตรการในการไล่ล่ากำจัดปลาหมอคางดำ โดยประกาศให้ชาวบ้านได้ช่วยกันจับเพื่อนำมาขายในแหล่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราชรับซื้อ 6 จุด ใน อ.ปากพนัง 3 จุด และหัวไทร 3 จุด และควรจะรับซื้อกิโลกรัมละ 15 ถึง 20 บาท 

“ทราบว่าในขณะนี้ทางประมงในพื้นที่โครงการพระราชดำริได้มีการตั้งจุดรับซื้อ แบบคละไซซ์ กิโลกรัมละ 10 บาทเท่านั้น จึงไม่สามารถเป็นแรงจูงใจให้ประชาชนออกไปดักจับหรือไล่ล่าจับปลาหมอคางดำมากนัก ในขณะที่เอกชน ได้รับซื้อกิโลกรัมละ 20 บาท แต่เอกชนเขาจะคัดเลือกเอาเฉพาะตัวที่ได้ขนาดตามที่กำหนดเท่านั้น จึงขอให้ทางราชการตั้งจุดรับซื้อแบบคละไซซ์ในกิโลกรัมละ 15 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้ชาวประมงและพี่น้องประชาชนออกไล่ล่าจับปลาหมอคางดำมาจำหน่ายได้มากขึ้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชน ในภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ได้อีกทางหนึ่ง” นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า ปลาหมอคางดำ ได้กลายเป็น “เอเลี่ยนสปีชีส์” หรือสิ่งมีชีวิตต่างถิ่นที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วและทำลายสัตว์น้ำประจำถิ่นอย่างรวดเร็ว รุนแรง เพราะไข่และตัวอ่อนของสัตว์ประจำถิ่นจะถูกปลาหมอคางดำกินหมด ก่อนหน้านี้มีรายงานพบการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำสร้างปัญหาในกว่า 13 จังหวัดของไทย 

ประกอบด้วย กรุงเทพฯ สมุทรสงคราม ระยอง ราชบุรี จันทบุรี เพชรบุรี ชลบุรี ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรปราการ ชุมพร สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี สงขลา และล่าสุดแพร่ระบาดอย่างหนักในพื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช เป็นจังหวัดที่ 14 ในประเทศไทย หากไม่เร่งดำเนินการ เชื่อว่าปลาหมอคางดำจะแพร่ระบาดขยายวงกว้างไปทั่งจังหวัด รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงจะยิ่งเพิ่มความยากลำบากในการแก้ปัญหา หายนะจะครอบคลุมประเทศไทยในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน