ภายหลังจากที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำโดย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และในฐานะรักษาราชการแทนอธิบดีฯ ได้มอบหมายให้คณะเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ นายวุฒิไกร ศรีธวัช ณ อยุธยา ผอ.ส่วนสะกดรอยและการข่าว ภายใต้การอำนวยการของนายวิทวัส สุคันธรส ผอ.ศูนย์สืบสวนสะกดรอยและการข่าว กรมสอบสวนคดีพิเศษ ควบคุมตัวนายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) จำเลยรายสำคัญในคดีทุจริตบริษัท สตาร์คฯ จากอาคารผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จ.สมุทรปราการ มายังอาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ เพื่อส่งตัวผู้ต้องหาให้ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ดำเนินคดีแจ้งข้อกล่าวหาและสอบปากคำในพฤติการณ์ความผิด ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

‘ชนินทร์’ อดีตCEO หุ้น ‘STARK’ ปฏิเสธทุกข้อหา ‘ทวี’ บินติดตามคดี ดีเอสไอค้านประกัน

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 23 มิ.ย. ที่บริเวณหน้าห้องประชุม 1 ชั้น 1 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม พร้อมด้วย พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผอ.กองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน ในฐานะหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน ได้ร่วมกันให้สัมภาษณ์ผลการสอบปากคำ นายชนินทร์

พ.ต.อ.ทวี เผยว่า สำหรับคดีหุ้นสตาร์ค (STARK) ถือเป็นคดีสำคัญที่ส่งผลต่อตลาดทุนไทย โดยเป็นประเด็นที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญ เนื่องจากคดีนายชนินทร์ พนักงานสอบสวนมีการส่งสำนวนไปก่อนหน้านี้ และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งฟ้อง 6 ข้อกล่าวหาสำคัญ คือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ได้แก่ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เกี่ยวกับการลงบัญชีเท็จ ผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ระมัดระวัง เป็นผู้บริหารทุจริต และความผิดฐานฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ซึ่งในแต่ละข้อหามีหลายกรรม รวม ๆ อาจเป็นร้อยกรรม ทั้งนี้ ในหลักการการสอบปากคำ ถือเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาว่าจะให้การหรือไม่ ตนไม่ขอตอบรายละเอียด แต่นายชนินทร์ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา แต่เมื่อไปสู่ชั้นศาลก็ต้องสู้ในเรื่องพยานหลักฐานต่อไป อีกทั้งในวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนจะนำตัวนายชนินทร์ไปส่งฟ้องกับพนักงานอัยการ เพื่ออัยการพิจารณาดำเนินการต่อไป

สำหรับมูลค่าความเสียหายในคดี พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า เบื้องต้นมีผู้เสียหาย 4,072 ราย มูลค่าความเสียหาย 14,778 ล้านบาท โดยมีทั้งสถาบันการเงิน รายย่อย และผู้ถือหุ้นกู้ นอกจากนี้ ดีเอสไอจะดำเนินการตั้งเรื่องสืบสวนสอบสวนกรณีการฟอกเงิน เพื่อดูว่าเส้นทางการเงินของผู้ต้องหามีความเชื่อมโยงไปถึงใครบ้าง หรือมีการฟอกเงินหรือไม่ จึงขอเรียนว่าเราอยากสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนของไทย และตนได้พูดคุยกับประธานตลาดหลักทรัพย์คนใหม่ว่าจะขอโอกาสเข้าไปเยี่ยมเยียน เพื่อยกระดับตลาดทุนไทยให้กลับมาน่าเชื่อถืออีกครั้ง

พ.ต.อ.ทวี กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 11 รายที่ดีเอสไอได้มีการสั่งฟ้องต่ออัยการก่อนหน้านี้ ทราบว่ายังไม่มีผู้ต้องหารายใดได้รับการประกันตัวชั่วคราวจากศาล อีกทั้งการจับกุมนายชนินทร์ วันนี้จึงครบถ้วนแล้ว เพราะเป็นผู้ต้องหาเพียงรายเดียวที่หลบหนี ส่วนกระบวนการทางคดีนั้น ทางศาลจะเริ่มมีการพิจารณาคดีในวันที่ 14 ม.ค. 68 เพื่อนัดตรวจสำนวนและตรวจพยานหลักฐาน แต่เมื่อเราได้ตัวนายชนินทร์ มาแล้ว ปกติทางอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง ก็อาจจะสั่งฟ้องและรวมสำนวนเดิมได้ ซึ่งในเรื่องนี้พนักงานสอบสวนจะได้ประสานกับพนักงานอัยการต่อไป

พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ส่วนจำนวนความเสียหายกว่าหมื่นล้านบาทนั้น ปัจจุบัน ปปง. ตามได้เพียง 3,000 กว่าล้านบาท แสดงว่ามีส่วนอื่นๆ ที่เราจะต้องไปติดตามกลับมา สิ่งที่ห่วงก็คือผู้เสียหายต้องเสียเงินเสียทรัพย์สิน ดังนั้น เราก็จะได้หาช่องทางบรรเทาความเสียหายให้ผู้เสียหายด้วย ซึ่งจะให้ดีเอสไอ ร่วมกับ ปปง. อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศ ช่วยดูเคสนี้

เมื่อถามว่าการจับกุมนายชนินทร์ครั้งนี้เป็นการติดตามจับกุม หรือผู้ต้องหาประสานมอบตัว พ.ต.อ.ทวี แจงว่า เป็นการทำบันทึกจับกุมที่ประเทศไทย เนื่องจากเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับของศาล และมีหมายแดงของอินเตอร์โพล หรือตำรวจสากล ส่วนระยะเวลา 8 เดือนที่ผ่านมา ทราบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ตามที่ต่างๆ แต่รายละเอียดชื่อประเทศยังไม่ได้สอบถาม แต่ก็ได้มีการสืบสวนติดตามจนพบว่าอยู่ที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนเรื่องทรัพย์สินที่จะมีซุกซ่อนที่ต่างประเทศหรือไม่นั้น กำลังติดตามสืบสวนขยายผลอยู่ ยังเปิดเผยไม่ได้

เมื่อถามว่าผู้ต้องหามีความเครียดหรือมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงหรือไม่นั้น พ.ต.อ.ทวี เผยว่า ได้ให้ดีเอสไอ ประสานจัดหาแพทย์จากกรมการแพทย์ มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ก่อนจะส่งตัวไปยังพนักงานอัยการ อีกทั้งผู้ต้องหาได้ยอมรับว่าตนเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยดี อายุจะ 60 ปี แต่ยังไม่เชื่อคำพูดอย่างเดียว ต้องให้แพทย์มาตรวจร่างกายประกอบด้วย นอกจากนี้ ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือดี ไม่ได้แสดงความเครียดออกมา ส่วนเรื่องความปลอดภัยที่ผู้ต้องหากังวล เขาก็มีการพูดถึงบ้าง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้หากผู้ต้องหาต้องการร้องขอความเป็นธรรม ผู้ต้องหาจะต้องไปยื่นคำร้องที่อัยการสูงสุด เพราะการสอบสวนของดีเอสไอเสร็จสิ้น และอัยการคดีพิเศษก็มีความเห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว หากจะมีการขอให้สอบสวนเพิ่มเติมก็ต้องรอไปที่อัยการสูงสุด

ส่วนกรณีของนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ (ทายาทสีหมื่นล้าน) ที่มีการส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนอกเรือนจำฯ นั้น พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า เป็นหลักสากลของการรักษาพยาบาล ถ้าเป็นคนป่วยก็ต้องนำไปรักษา หายดีแล้วก็กลับมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ดังเดิม

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า แม้ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหา แต่ผู้ต้องหาได้มีการแจ้งว่าจะมีการนำส่งเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาในบางประเด็น เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเอง ส่วนเรื่องการตกแต่งงบการเงินของบริษัท สตาร์คฯ เจ้าตัวไม่ประสงค์แก้ข้อกล่าวหา แต่ปฏิเสธในพฤติการณ์ ส่วนเรื่องเงินของหุ้นสตาร์คที่เชื่อมโยงถึงนายชนินทร์ มีจำนวนไม่มาก แต่ไปอยู่ที่ลูกน้องหรือเลขาของนายชนินทร์มากกว่า ทั้งนี้ นายชนินทร์ ได้ให้การซัดทอดถึง น.ส.ยสบวร หรือไม่นั้น เป็นรายละเอียดภายในสำนวน ไม่ขอระบุ พร้อมยืนยันว่าดีเอสไอจับกุมตัวผู้ต้องหาในคดีโกงหุ้นสตาร์ค ส่งให้อัยการครบหมดแล้ว

พ.ต.ต.ยุทธนา เผยอีกว่า ภายหลังการสอบปากคำเสร็จสิ้น ดีเอสไอจะทำการควบคุมตัวผู้ต้องหาไว้ที่ห้องขังชั้น 6 อาคารกรมสอบสวนคดีพิเศษ และจะนำตัวไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในเวลาบ่ายโมงของวันพรุ่งนี้ อีกทั้งผู้ต้องหาระบุเพียงแค่ว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพเกี่ยวกับช่องท้องลำไส้ แต่ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีผลต่อการนำตัวไปส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการ จากนี้ดีเอสไอจะขยายผลเรื่องการถ่ายโอน ซุกซ่อน แปรสภาพทรัพย์สินว่าผู้ต้องหามีการจำหน่าย จ่าย โอน ไปยังบุคคลใดบ้างหรือไม่ เพื่อพิจารณาดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป