สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเคียฟ ประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ว่ากระทรวงมหาดไทยยูเครนรายงานว่า กองทัพรัสเซียปฏิบัติการโจมตี อาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง ในเมืองคาร์คิฟ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกประมาณ 30 คน
อนึ่ง กองทัพรัสเซียเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดิน ในภูมิภาคคาร์คิฟที่มีเมืองเอกชื่อเดียวกัน เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา และสามารถรุกคืบพื้นที่ได้อย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน กองทัพยูเครนกล่าวด้วยว่า กองทัพรัสเซียใช้ทั้งขีปนาวุธนำวิถี และอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน แบบติดอาวุธ โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานหลายแห่งในประเทศ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วย โดยนับเป็นการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครน เป็นครั้งที่ 8 ภายในระยะเวลาเพียงสามเดือน
Since the beginning of this June alone, Russians have used more than 2,400 guided aerial bombs against Ukraine. Of these, around 700 have been targeted at the Kharkiv region, striking our positions, our cities, and communities.
— Volodymyr Zelenskyy / Володимир Зеленський (@ZelenskyyUa) June 22, 2024
Such Russian strikes are also being carried out… pic.twitter.com/iWSyWLTKCU
อีกด้านหนึ่ง กระทรวงกลาโหมสหรัฐออกแถลงการณ์ ว่านับจากนี้กองทัพยูเครนสามารถใช้อาวุธซึ่งได้รับความสนับสนุนจากสหรัฐ โจมตีเป้าหมายในรัสเซีย หรือฐานที่มั่นของทหารรัสเซีย ที่อยู่ไกลจากภูมิภาคคาร์คิฟ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนได้แล้ว “เพื่อป้องกันตนเอง”
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศเมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา อนุมัติให้กองทัพยูเครนสามารถใช้อาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐ โจมตีเป้าหมายในรัสเซียได้อย่างเป็นทางการ แต่ในเวลานั้นยังคงอนุญาตเฉพาะ ดินแดนของรัสเซียซึ่งอยู่ไม่ห่างจากภูมิภาคคาร์คิฟ
ขณะที่นายเจค ซัลลิแวน ที่ปรึกษาด้านนโยบายความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาว กล่าวเสริมว่า กองทัพยูเครนสามารถใช้ระบบป้องกันทางอากาศของสหรัฐ โจมตีเครื่องบินรบของรัสเซียได้ หากอากาศยานลำนั้น “เตรียมปล่อยขีปนาวุธเข้ามาในเขตน่านฟ้าของยูเครน”.
เครดิตภาพ : AFP