สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่า เกาหลีใต้เตรียมออกนโยบายอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติประมาณ 163,000 คน สามารถอาศัยและทำงานต่อในเกาหลีง่ายขึ้น รวมไปถึงขยายประเภทวีซ่าและตำแหน่งงานให้พวกเขา เพื่อทดแทนตำแหน่งงานว่างในอุตสาหกรรมหลัก

ข้อมูลของสำนักงานประสานงานนโยบายรัฐบาลและสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลวางแผนอนุญาตให้นักศึกษาต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาในเกาหลีใต้ สามารถยื่นขอวีซ่าทำงานไม่เป็นมืออาชีพ อี-9 การประกาศดังกล่าว เป็นผลมาจากการประชุมหน่วยงานของรัฐที่ดูแลวาระการเข้าเมืองและวีซ่า ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีฮัน ด็อก-ซู เป็นประธาน

ปัจจุบัน นักศึกษาต่างชาติที่สำเร็จการศึกษาในเกาหลีใต้ มีสิทธิได้รับวีซ่าอยู่ต่อในจำนวนจำกัด เช่น วีซ่าอี-7 ซึ่งออกให้สำหรับอาชีพเฉพาะทางในจำนวนจำกัด โดยกฎหมายฉบับใหม่ จะให้ระยะเวลาการพำนักสำหรับผู้ถือวีซ่าดี-10 สามารถขยายระยะเวลาอยู่ต่อสูงสุด 3 ปี จากที่สามารถอยู่ได้เพียง 6 เดือน และขยายระยะเวลาอยู่ต่อได้สูงสุด 2 ปี

สำหรับนักศึกษาที่กำลังมองหางานในภาคการต่อเรือ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ประสบปัญหาการขาดแคลนแรงงานเรื้อรัง รัฐบาลตั้งเป้าที่จะช่วยให้พวกเขาได้งานทันทีหลังผ่านการฝึกอบรม มากไปกว่านั้น บริษัทต่าง ๆ จ้างนักเรียนต่างชาติในตำแหน่งว่าง เนื่องจากพนักงานลาคลอด หรือลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร ได้เช่นกัน

นอกเหนือจากมาตรการสำหรับนักเรียนแล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้วางแผนที่จะขยายขอบเขตการเข้าถึงวีซ่าอี-7-4 ของผู้ถือวีซ่าอี-9 และ อี-10 ซึ่งจะเพิ่มความยืดหยุ่นในการจ้างงาน และช่วยให้ผู้ถือวีซ่าอยู่ในประเทศได้นานขึ้น

กฎเกณฑ์ในการแปลงสภาพจากวีซ่านักเรียนเป็นวีซ่าทำงาน ซึ่งรวมไปถึงระดับการศึกษา, ทรัพย์สิน และการรับรองของผู้สมัคร จะถูกผ่อนคลายลง และโควตาสำหรับวีซ่าจะเพิ่มมากขึ้นขึ้น นอกจากนั้น ผู้ปกครองของนักเรียนต่างชาติ ยังได้รับสิทธิยื่นขอวีซ่าทำงานตามฤดูกาล อี-8 เพื่อให้ครอบครัวสามารถอยู่ร่วมกันได้ และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดูแลนักเรียนต่างชาติและแรงงานต่างชาติในเกาหลีใต้ รัฐบาลจะเปิดตัวคณะกรรมการพิเศษในเดือน ก.ค. นี้

ปัจจุบัน หน่วยงานของรัฐบาลกำกับดูแลวีซ่าแตกต่างกันไปตามประเภท อาทิ กระทรวงยุติธรรมรับผิดชอบวีซ่าทำงานตามฤดูกาล อี-8 ขณะที่กระทรวงแรงงานดูแลวีซ่าอี-9 และเอช-2 ซึ่งออกให้กับตำแหน่งงานที่ใช้แรงงาน

อนึ่ง แผนการดังกล่าวยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการพัฒนา และมีการตั้งเป้าจะนำมาใช้ภายในสิ้นปี 2568

ปัจจุบัน มีผู้ถือวีซ่าทำงานในเกาหลีใต้ราว 560,000 คน ท่ามกลางความพยายามประธานาธิบดี ยุน ซอก-ยอล ผู้นำเกาหลีใต้ ในการเพิ่มจำนวนแรงงานต่างชาติ เพื่อต่อสู้กับการขาดแคลนแรงงาน เนื่องจากจำนวนประชากรที่ลดลงและสังคมสูงอายุ หลังจากเกาหลีใต้ต้องเผชิญกับวิกฤติประชากร รวมไปถึงอัตราการเจริญพันธุ์ที่ตกต่ำ ที่ลดต่ำลงกว่าเดิมเป็น 0.72 เมื่อปี 2566 ส่งผลให้เกาหลีใต้เป็นประเทศเดียวในบรรดาสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) ที่มีอัตราเจริญพันธุ์ต่ำกว่า 1.

เครดิตภาพ : AFP