เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ เร่งเพิ่มศักยภาพและพัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยการนำเงินอุทยานแห่งชาติที่จัดเก็บได้ ไปใช้ในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวตลอดจนระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ภายในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่ออำนวยความสะดวกและตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวให้ได้รับความพึงพอใจต่อการเข้ามาใช้บริการในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ และเน้นย้ำการจัดเก็บเงินอุทยานฯ และใช้จ่ายงบอย่างโปร่งใส 

นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติ ได้เปิดเผยข้อมูลยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน (20 มิ.ย. 2567) ปรากฏว่า มียอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 1,785,493,410 บาท ซึ่งเป็นยอดสถิติการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจัดเก็บเงินจนแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ทั้งปีของปี พ.ศ 2566 ไปแล้ว โดยในปี พ.ศ. 2566 จัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติทั้งปีได้จำนวน 1,467,641,971 บาท

จากยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว มีปัจจัยมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่อุทยานแห่งชาติทางทะเล ทั้งฝั่งอันดามันและฝั่งอ่าวไทย ซึ่งมีแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่สวยงาม จนทำให้เป็นแลนด์มาร์คที่สำคัญ ในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ในการเดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับการจัดอันดับแหล่งท่องเที่ยวชายหาดที่สวยงามของโลก โดยมีเกาะกระดานในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จังหวัดตรัง ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นชายหาดที่มีความสวยงามในระดับโลก จึงส่งผลให้แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลอื่นๆ ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติด้วยเช่นกัน โดยอุทยานแห่งชาติที่สามารถจัดเก็บเงินได้สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1. อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี 500,866,577 บาท 2. อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 243,655,470 บาท 3. อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด 127,820,710 บาท 4. อุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา 114,226,610 บาท 5. อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 100,545,505 บาท

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ทั้งนี้การจัดเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี ซึ่งเป็นอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่สามารถจัดเก็บเงินรายได้เป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 2566 ถึงปัจจุบัน (วันที่ 20 มิ.ย. 2567) สามารถจัดเก็บเงินได้จำนวนทั้งสิ้น 500,279,247 บาท ซึ่งเป็นสถิติการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติ ที่สามารถจัดเก็บเงินจนแซงหน้ายอดการจัดเก็บเงิน ในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 ไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท โดยยอดการจัดเก็บเงินของอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราฯ ระหว่างเดือน ต.ค. 2565 ถึงเดือน มิ.ย. 2566 เป็นจำนวนเงิน 208,572,803 บาท โดยสถิตินักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน ระหว่างปี พ.ศ. 2566 จำนวน 2,660,308 คน และปี พ.ศ. 2567 จำนวน 4,548,762 คน เพิ่มขึ้นถึง 1,888,454 คน หรือคิดเป็น 41.5 %

ผอ.สำนักอุทยานฯ กล่าวว่า สำหรับเงินอุทยานแห่งชาติซึ่งจัดเก็บได้ จะถูกนำมาใช้จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในพื้นที่โซนบริการของอุทยานแห่งชาติ ใช้จ่ายเป็นค่าจ้างให้กับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน การพัฒนาองค์ความรู้ของบุคลากรในหน่วยงาน ตลอดจนการจัดสรรเงินส่วนหนึ่งให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับอุทยานแห่งชาติ สำหรับการพิจารณาใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ โดยมีผู้แทนจากองค์กรภายนอกอันเป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือ ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากสถาบันการศึกษา ตลอดจนองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันพิจารณาการใช้จ่ายเงินอุทยานแห่งชาติ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติในประเทศไทย ตลอดจนภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่อยู่โดยรอบ อีกทั้งที่ผ่านมา กรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้ดำเนินการพัฒนาการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติให้เกิดความโปร่งใส ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จนส่งผลให้ยอดการจัดเก็บเงินอุทยานแห่งชาติเพิ่มขึ้นตามลำดับ ตลอดจนการนำเงินอุทยานฯ ไปใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โปร่งใส และสามารถตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน.