สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. ว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในยุโรปลดลง เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และซบเซามาตั้งแต่สิ้นปี 2566 เพราะมีราคาสูง ขณะที่รถยนต์ไฮบริดมียอดขายเพิ่มขึ้น แม้สหภาพยุโรป (อียู) จะวางแผนห้ามขายรถยนต์สันดาป ภายในปี 2578

สถิติยอดขายรถยนต์ไฟฟ้ารายเดือน ซึ่งได้รับการเผยแพร่โดยสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ (เอซีอีเอ) ระบุว่า ยอดขายรถไฟฟ้าลดลงเหลือร้อยละ 12.5 จากร้อยละ 13.8 เมื่อเดือน พ.ค. 2566 นอกจากนั้น ยอดจดทะเบียนรถไฮบริดก็ลดลงร้อยละ 14.7 ในเดือน พ.ค. ปีนี้ คิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 6.5

ในทางกลับกัน ส่วนแบ่งการตลาดของรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดเพิ่มขึ้น เป็นเกือบร้อยละ 30 ด้านส่วนแบ่งรวมของรถยนต์เบนซินและดีเซลลดลงเหลือเพียงไม่ถึงครึ่งหนึ่ง

ทั้งนี้ ในตลาดหลักของยุโรป ยอดขายรถอีวี เพิ่มขึ้นแค่ในฝรั่งเศสและเบลเยียมเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน รถยนต์สัญชาติเยอรมนีมียอดขายลดลงอย่างต่อเนื่อง หลังมาตรการจูงใจในการซื้อถูกยกเลิกเมื่อปลายปี 2566

รายงานจากทรานสปอร์ต แอนด์ เอ็นไวรอนเมนท์ (ทีแอนด์อี) ระบุว่า ยอดขายรถอีวีซบเซา เนื่องจากผู้ผลิตรถยนต์หันไปให้ความสำคัญกับรถยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมขนาดใหญ่ ที่สร้างกำไรมากขึ้น และมีต้นทุนโมเดลราคาถูก “ผลจากกลยุทธ์การเพิ่มผลกำไรในระยะสั้น ส่งผลให้ผลกำไรของผู้ผลิตรถยนต์เพิ่มสูงขึ้น จนเป็นประวัติการณ์ และจำนวนยานยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น” ทีแอนด์อีกล่าวในแถลงการณ์

นอกจากนี้ เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการปล่อยมลพิษของอียู ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปี 2568 ทีแอนด์อีคำนวณว่า ผู้ผลิตจะต้องเพิ่มส่วนแบ่งการขายรถอีวีให้ได้อย่างน้อยร้อยละ 21 ต่อปี.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES