เมื่อ 20.54 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท วาระแรก ต่อเนื่องเป็นวันที่3

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตนขอพูดถึงกระทรวงการคลัง ที่เคยบอกไว้ว่าอาจจะเป็นเหล้าใหม่ที่พวกตนไม่เคยชิม มันทำให้ตนนึกถึงเหล้าเก่าที่พวกเราเคยชิมด้วยกันตอนที่ยังเป็นฝ่ายค้าน นั่นคือเรื่องสุราก้าวหน้า เรื่องภาษีสรรพสามิตร ที่เราเคยโหวตแพ้ตอนเป็นฝ่ายค้านด้วยกัน และเคยเป็นหนึ่งในเอ็มโอยูเมื่อช่วงจัดตั้งรัฐบาล เราศึกษากันมามากแล้ว สิ่งที่ต้องทำแค่แก้กฎกระทรวง ส่งเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐมนตรีสามารถทำได้เลย ไม่ต้องรอนาน เป็นการเพิ่มภาษีสรรพสามิตรใหม่ๆ เข้าประเทศ จะสามารถเปลี่ยนโภคภัณฑ์ให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์จากเกษตร ทำให้ภาษีเพิ่มเข้ามาจำนวนมาก

นายพิธา กล่าวต่อว่า องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ OECD ที่มีมติเอกฉันท์จาก 38ประเทศสมาชิก ให้ประเทศไทยได้เข้าสู่กระบวนการการเป็นสมาชิกใหม่ เคยระบุไว้ชัดว่าเวลางบประมาณผ่านวาระแรกแล้ว จะต้องมีการตั้งคณะกรรมาธิการ แต่บางประเทศประธานกรรมาธิการงบประมาณ ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ตรงนี้เป็นเรื่องการตรวจสอบความโปร่งใสของงบประมาณ ที่ผ่านมาทางรัฐมนตรีจากฝั่งรัฐบาลจะเป็นประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณมาโดยตลอด จึงถือเป็นเรื่องที่น่าสนใจ โดยเฉพาะความโปร่งใสในการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินงานของคณะกรรมาธิการงบประมาณ เมื่อมีการตรวจสอบแล้ว ประชาชน หรือฝ่ายค้านมีโอกาสตรวจสอบมากน้อยแค่ไหน

ทั้งนี้ ขอเสนอ 5 สิ่งเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องทำเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดิน 1. ความชัดเจนเกี่ยวกับกับแผนรายได้  แผนหนี้ของประเทศ ที่ยังไม่ค่อยมีความชัดเจนเท่าไหร่ ตนอยากได้ยินเรื่องนี้จากรัฐบาล และกระทรวงการคลัง 2.แผนการปฎิรูปภาษีอย่างเป็นธรรม 3.แผนการช่วยเหลือประชาชนที่งบประมาณไม่ครอบคลุม เช่น ประชาชนที่เสียภาษีผ่าน VAT ผ่านภาษีการบริโภค เขาอาจจะอยากถามว่าเขาอยู่ตรงไหนของแผนงบประมาณ 4.การเปิดเผยกระบวนการพิจารณางบต่อสาธารณะ และ5.การปรับกระบวนการงบประมาณตามมาตรฐานของOECD