เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ในช่วงเย็น ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567  ที่มีนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธาน ได้เกิดการปะทะคารมกันขึ้น เมื่อน.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคก้าวไกล ลุกขึ้นโวยว่า สไลด์ประกอบอภิปรายหน้าแรก ของตนเอง ถูกตัดส่วนใบหน้านายกฯออกไป โดยเซนเซอร์ให้เป็นรูปหุ่นยนต์แทน ถามว่า สไลด์ตนเสียดสี หรือผิดข้อบังคับสภาฯอย่างไร นโยบายหลักของรัฐบาลส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ ความคิดสร้างสรรค์ แค่นี้ยังรับกันไม่ได้รัฐบาลนี้จะส่งเสริมซอฟพาวเวอร์ต่อไปได้อย่างไร และต้องขอบคุณตนที่เอารูปนายกฯมาใส่ ตนยังให้ความสำคัญกับนายเศรษฐา  ทวีสิน นายกฯ เพราะทุกวันนี้ไม่รู้ว่าพรรคเพื่อไทย กับข้าราชการต่างๆ จะยังให้ความสำคัญกับนายกฯอยู่หรือเปล่า และเป็นการย้ำเตือนว่า นายเศรษฐา ยังเป็นนายกฯของประเทศนี้อยู่ ทุกวันนี้ประชาชนสับสน ว่า ประเทศนี้มีนายกฯกี่คน และก็นายกฯชื่ออะไร

ด้านนายปดิพัทธ์ กล่าวตักเตือนเรื่องการเสียดสี และระบุ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นกรรมการตรวจสไลด์ของสภาฯเอง ไม่ได้เกี่ยวกับนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของรัฐบาล และเป็นการวินิจฉัยโดยใช้กรรมการ ซึ่งมีสองหลักการ คือ ต้องไม่ผิดข้อบังคับ และ ต้องไม่เป็นลักษณะของการเอาภาพคนอื่นมาใช้ทำนองล้อเลียน ก็เป็นไปได้ว่า ภาพของน.ส.รักชนก อาจจะดูว่าไม่เกี่ยวกับเนื้อหา และเป็นภาพตัดต่อที่ดูไม่เหมาะสม

ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมว.คลัง ประท้วง ว่า ท่านกล่าวหารัฐบาล การตรวจเอกสารเป็นอำนาจประธานรัฐสภา ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล ไม่อยากให้ใช้แท็กติกแบบนี้เมื่อรูปถูกแบนแล้วก็เอามาโชว์เพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูป ไม่สมควรอย่างยิ่ง โดยนายปดิพัทธ์ ย้ำถ้ามีลักษณะตัดต่อไม่เกี่ยวกับเนื้อหา ดูแล้วไม่สุภาพเจ้าหน้าที่แก้ไขได้ แต่น.ส.รักชนก ไม่ยอมระบุตนไม่มีเจตนาเสียดสี และจะไปโพสต์ในโซเชียลมีเดียเพื่อให้ประชาชนตัดสิน นายปดิพัทธ์ วินิจฉัยตัดบท ว่า ตนวินิจฉัยแล้ว การตัดสินของกรรมการอาจจะไม่ถูกใจท่าน แต่ถ้าเรายอมรับกติการ่วมกัน ก็อภิปรายต่อได้ 

ทั้งนี้ระหว่างที่นายปดิพัทธ์ กล่าวชี้แจง ช่วงหนึ่งนั้น น.ส.รักชนก ได้ยืนกอดอกขึงขังแสดงสีหน้าไม่พอใจมองไปยังบรรลังก์ประธานสภาฯอีกด้วย.