เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีภาพแชตหลุดในห้อง บก.สอท.1 ที่มีตำรวจนายหนึ่งในสังกัด ส่งข้อความถึง ผบก.สอท.1 ทำนองต่อว่าและไม่อยากทำงานต่อ เพราะอ้างว่าถูกหลอกใช้มา 3 ปี และงานค่อนข้างหนัก พร้อมกับมีถ้อยคำหยาบคาย เบื้องต้นกรณีดังกล่าว ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า เป็นข้อความจากนายตำรวจระดับสารวัตรที่อยู่สังกัดกองกำกับการ 2 บก.สอท.1 เคยทำหน้าที่เป็น Admin ได้ 2-3 ปี ก่อนที่ผู้บังคับบัญชาเสนอให้เลื่อนไปเป็นสารวัตรสอบสวน แต่ก็ยังคงทำหน้าที่เป็น Admin ควบคู่กันไป

โดยตำรวจนายดังกล่าว ปกติแล้วเป็นนายตำรวจที่ทำงานดีมาโดยตลอด ขยันตั้งใจทำงาน เวลาเจอผู้บังคับบัญชาโดยเฉพาะผู้บังคับการ ก็จะทักทายตลอด แต่ชอบเก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว เคร่งขรึม อาจจะไม่ค่อยได้พูดคุยระบายความเครียดกับใคร สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ปรากฏในแชตนั้น อาจจะเกิดจากภาวะเครียดสะสม เนื่องจากในช่วงหลัง ภาระงานของสารวัตรนายนี้ มีเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการรับเรื่องแจ้งความร้องทุกข์จากพี่น้องประชาชน และงานรับผิดชอบ Admin เลยทำให้คืนนั้นเกิดความอัดอั้นตันใจ และมีอารมณ์โมโหฉุนเฉียว จึงขาดสติ และคิดถึงขั้นเปรียบเทียบตำแหน่งหน้าที่ของบุคคลอื่น เลยส่งข้อความดังกล่าวเข้าไป แต่พอมีสติยั้งคิดได้ ไม่ถึง 10 นาที ก็รีบลบข้อความดังกล่าวออกทันที แต่ก็ไม่ทันการ เพราะมีคนแคปเอาไว้แล้ว

ทั้งนี้ ผู้บังคับการ สอท.1 ได้เรียกสารวัตรรายดังกล่าวมาพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจ และทราบว่า เป็นเพราะความอัดอั้นตันใจ จึงตัดสินใจระบายข้อความดังกล่าวออกไป แต่ไม่มีเรื่องของการเมาสุรามาเกี่ยวข้อง โดยได้ให้สารวัตรทำหน้าที่ฝ่ายสอบสวนเพียงหน้าที่เดียว ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับหน้าที่ Admin อีก พร้อมทั้งได้ตักเตือนไม่ให้ประพฤติพฤติกรรมเช่นนี้อีก อย่างไรก็ตาม ในทางวินัยก็ต้องดำเนินการสอบสวนตามขั้นตอนต่อไป แต่ส่วนตัวเชื่อว่า ผลการสอบก็คงไม่ถึงขั้นสั่งพักราชการหรือลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด เพราะตำรวจนายนี้ มีผลงานการปฏิบัติหน้าที่ที่ดีมาโดยตลอด ซึ่งจะต้องนำมาพิจารณาประกอบกันด้วย ส่วนตัวจึงเชื่อว่า คงไม่ถึงขั้นถูกลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงแต่อย่างใด

ส่วนที่พูดถึงคนอื่นที่ไม่ทำงานนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า อาจเกิดจากอารมณ์ในช่วงนั้น เมื่อรู้สึกอัดอั้น ก็จะมีการเปรียบเทียบการทำงานกับคนอื่น อย่างในส่วนของ สอท.1 มีนายตำรวจที่ได้รับมอบหมายให้เป็นแอดมินประมาณ 3-4 คน ซึ่งถ้าเทียบกับปริมาณงานที่มีจำนวนมาก ก็อาจทำให้ต้องทำงานหนัก จนเกิดความกดดันได้

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า ถือว่าเป็นปัญหาของตำรวจใต้บังคับบัญชาที่ประสบปัญหาภาวะเครียดสะสม เนื่องจากภาระงานของตำรวจไซเบอร์มีเป็นจำนวนมาก อันเกิดจากปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นทุกวัน และมีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความเป็นหลักร้อยคดีต่อวัน เลยทำให้ภาระงานของตำรวจมีเป็นจำนวนมากกว่าตำรวจที่มีในสังกัด ตำรวจบางนายอาจจะต้องทำหน้าที่มากกว่าตำแหน่งเดิม จึงได้สั่งการกำชับไปยังกองบังคับการทุกกองบังคับการ ให้ดูแลตำรวจใต้บังคับบัญชา ทั้งในเรื่องสวัสดิการและสุขภาวะจิตอย่างเต็มที่ พยายามดูแลไม่ให้ตำรวจผู้ปฏิบัติงานเกิดภาวะเครียดจนเกินไป