ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาได้ออกประกาศกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 67 เรื่องการยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับของที่มีมูลค่าไม่เกิน 1,500 บาท ประกาศดังกล่าวจะมีผลใช้ในการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) อัตรา 7% กับสินค้าที่มีราคาตั้งแต่ 1 บาท ตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. 67 เป็นต้นไป 

สำหรับเหตุผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้านำเข้าตั้งแต่ 1 บาทนั้น เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่จะแก้ไขปัญหาความไม่เป็นธรรมในการขายสินค้าให้แก่ผู้บริโภคระหว่างผู้ขายในต่างประเทศที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มกับผู้ขายในประเทศซึ่งต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม ประกอบกับประเทศไทยต้องปฏิบัติตามข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งให้กำหนดราคาขั้นต่ำของของที่นำเข้าแต่ละรายเพื่อให้คุ้มค่ากับการจัดเก็บอากรศุลกากร

ดังนั้น ผู้นำเข้าของต้องปฏิบัติตามพิธีการที่อธิบดีกรมศุลกากรประกาศกำหนด โดยประกาศนี้ ให้บังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 15 วันนับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา หรือ 5 ก.ค.จนถึง 31 ธ.ค. 67 โดยประกาศดังกล่าวลงนามนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง

“จากประกาศดังกล่าว กรมศุลกากรจะเป็นผู้จัดเก็บภาษีแวตดังกล่าวจนถึงวันที่ 31 ธ.ค. 67 หลังจากนั้น กรมสรรพากรจะดำเนินการจัดเก็บเอง โดยขณะนี้ กรมสรรพากรอยู่ระหว่างการแก้ไขประมวลรัษฎากรเพื่อรองรับ”

รายงานข่าวแจ้งว่า การจัดเก็บแวตนำเข้าสินค้าที่มีราคาต่ำกว่า 1,500 บาทดังกล่าว มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาข้อได้เปรียบจากสินค้าจีนราคาถูกที่เข้ามาทุ่มตลาดไทยและการจงใจหลีกเลี่ยงภาษีจากผู้นำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ

ที่ผ่านมา สินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท ได้รับการยกเว้นภาษีแวต เนื่องจากประมวลรัษฎากรได้เขียนผูกไว้กับกฎหมายศุลกากร ที่ให้ยกเว้นการเก็บแวตในสินค้านำเข้าที่กรมศุลกากรยกเว้นอากรตามประเภท 12 ภาค 4 แห่งพระราชกำหนดพิกัดอัตราศุลกากร พ.ศ. 2530  ซึ่งหนึ่งในสินค้าที่ได้รับการยกเว้นอากร คือ สินค้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกทางการค้า ดังนั้น หากจะต้องจัดเก็บแวตในสินค้านำเข้าที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาท กรมฯ จะต้องมีการปรับปรุงข้อกฎหมาย เพื่อให้สามารถจัดเก็บแวตสำหรับสินค้าดังกล่าวได้