เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีรายงานข่าวของชายชาวอังกฤษ ผู้ยื่นคำร้องต่อศาล เพื่อฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจาก “แอปเปิล” บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก เป็นจำนวนเงิน 5 ล้านปอนด์ (ราว 232.3 ล้านบาท) โดยอ้างว่าอุปกรณ์ของบริษัทมีส่วนทำให้ภรรยาลักลอบเข้ามาดูข้อมูลส่วนตัวของเขา ซึ่งรวมทั้งบันทึกการสนทนาในเชิงชู้สาวของเขาเองกับหญิงอื่นอีกหลายคน
“ริชาร์ด” (นามสมมุติ) เล่าว่าในช่วง 2-3 ปีสุดท้ายของชีวิตแต่งงานที่สิ้นสุดไปแล้ว เขาได้ติดต่อซื้อขายบริการจากโสเภณีหลายคนผ่านทางช่องทางการส่งข้อความจากโทรศัพท์ไอโฟนของเขา โดยที่เขาเองก็คอยระวังตัวและลบบทสนทนากับหญิงบริการเหล่านั้นทิ้งไปเสมอ
แต่เขาอ้างว่าเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าผลิตภัณฑ์ของแอปเปิลนั้น สามารถซิงค์ข้อมูลระหว่างอุปกรณ์ของผู้ใช้ชื่อเดียวกันได้ ซึ่งรวมทั้งข้อความที่ติดต่อกันผ่านแอปพลิเคชันที่มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ทุกเครื่องของแอปเปิล ไม่ว่าจะเป็นไอโฟน, ไอแพด หรือ ไอแมค ฯลฯ
วันหนึ่ง ภรรยาของเขาก็ล็อกอินเข้าใช้เครื่องไอแมค ผ่านชื่อผู้ใช้ซึ่งเป็นลักษณะของบัญชีแบบครอบครัวที่ใช้ร่วมกัน แล้วเธอก็พบข้อความสนทนาที่เร่าร้อนระหว่างสามีของเธอกับหญิงสาวหลายคนจากแอปพลิเคชันในเครื่อง ซึ่งต่อมาภายหลังจึงรู้ความจริงว่าพวกเธอเป็นหญิงขายบริการ
หลังจากนั้นภรรยาของเขาก็ฟ้องหย่า และได้รับเงินชดเชยไปเป็นจำนวน 5 ล้านปอนด์ (ราว 232.3 ล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เขาฟ้องร้องแอปเปิลให้จ่ายชดเชยแก่เขาในคราวนี้
ริชาร์ด อ้างว่าเมื่อลบข้อความในไอโฟนทิ้งแล้ว อุปกรณ์จะแจ้งว่าข้อความเหล่านั้นได้ถูกลบทิ้งไปแล้ว ซึ่งทำให้เข้าใจผิดว่า ข้อความเหล่านั้นได้ถูกลบทิ้งออกไปจากทุกอุปกรณ์ แต่ในความเป็นจริง คือข้อความจะโดนลบทิ้งจากอุปกรณ์ที่เลือกลบไปเท่านั้น ซึ่งริชาร์ดอ้างว่าแอปเปิลควรจะปรับปรุงการแจ้งเตือนให้ชัดเจนกว่านี้ ซึ่งตีความได้ว่า แอปเปิลไม่ได้ใส่ใจสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เลยแม้แต่น้อย
ริชาร์ดตำหนิว่าอุปกรณ์และฟีเจอร์ของแอปเปิล เป็นตัวการช่วยเปิดโปงพฤติกรรมนอกใจของเขา ทำให้ชีวิตสมรสที่ยาวนานร่วม 20 ปีของเขาต้องพังพินาศโดยไม่มีหนทางแก้ไขได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นพวกเขาเป็นคู่สามีภรรยาที่มีความสุขด้วยกันมาโดยตลอด
พ่อม่ายจากการหย่าร้างรายนี้ ไม่เพียงฟ้องร้องเป็นการส่วนตัว แต่ยังขยายความด้วยการว่าจ้างทนายดังของลอนดอน และมีแผนการจะยื่นฟ้องในรูปของการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) รวมทั้งเชิญชวนให้ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ของแอปเปิล ที่ประสบปัญหาแบบเดียวกัน เข้าร่วมการต่อสู่กับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการเทคโนโลยีอีกด้วย
ที่มา : odditycentral.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
