ทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นยูโรไป 2 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 มี 4 คะแนน โอกาสเข้ารอบ 2 ไม่น่ายาก

ทั้งที่ผลงานออกมาแบบนี้แบบเดียว แต่คำวิจารณ์หลังเกมกลับแบ่งเป็น 2 ด้าน ที่แตกต่างกันสุดลิ่ม จนน่าสงสัยว่าดูเกมเดียวกันอยู่หรือเปล่า

ฝ่ายหนึ่งซึ่งมากกว่า ระดมด่าแบบไม่ยั้ง บอกตัวผู้เล่นดีขนาดนี้ ทำไมเล่นได้แค่นี้ โค้ชห่วย เล่นแบบนี้ไม่มีทางไปถึงแชมป์

ฝ่ายหนึ่งซึ่งไม่มากเท่าไหร่ บอกว่า อังกฤษ เล่นเพื่อแชมป์ ไม่ใช่เพื่อความสวยงาม ทำยังไงก็ได้ให้ทีมได้แชมป์ก็พอ และก็ไม่ได้มีกฎยูฟ่าหรือกฎฟุตบอลที่ไหนบอกไว้นี่ว่า ทีมแชมป์ต้องเล่นดี เล่นสวยงาม

ตรงกันข้าม ทีมแชมป์นั่นแหละที่เล่นบอลไม่น่าดูที่สุด ทีมที่เล่นน่าดูด้วย ได้แชมป์ด้วยนั้น แท้จริงแล้ว มีเพียงไม่กี่ทีม และทีมที่เล่นสวยงาม ก็มักจะไม่ประสบความสำเร็จ

Trent Alexander-Arnold

เกมนัดที่ 2 กับ เดนมาร์ก แกเร็ธ เซาธ์เกต จัด 11 คนแรกเหมือนเดิม ทั้งที่โดนวิจารณ์ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยังได้ลงตัวจริง แม้เกมแรก ผลงานไม่เข้าเป้า

ไม่รู้เป็นเพราะความดื้อของ เซาธ์เกต หรือวางเกมแพลนมาแบบนี้จริงๆ แต่เกมนี้ แบ๊กจากลิเวอร์พูล ผู้ต้องถูกขยับมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง ก็ยังทำผลงานได้ไม่ค่อยโดนใจอยู่ดี

ยิ่งเมื่อผลการแข่งขันไม่ได้ ทีมได้แค่เสมอ ยิ่งมีช่อง มีรูให้สับกันสนุก

เอาเข้าจริงแล้ว ทีมชาติอังกฤษ ยุค แกเร็ธ เซาธ์เกต ไม่ใช่ทีมที่เคยเล่นบอลสนุก หรือสวยงามอย่างที่หลายคนเข้าใจ

เขาไม่เคยสนใจรูปเกม เขาต้องการแค่ชัยชนะ เขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ทีมชนะ แม้มันจะไม่สวยงาม

ไม่ได้บอกว่ามันถูกต้อง แต่มันเป็น “กลยุทธ์” และมันก็ยังได้ผล เพราะสาเหตุที่เขาอยู่มาได้จนถึงวันนี้ ก็เพราะผลงาน เล่นแบบนี้ ถ้าไม่มีผลงาน เซาธ์เกต ต้องออกไปนานแล้ว

Gareth Southgate

หลายคนถาม ไหนผลงาน? ก็เข้าชิงยูโร และ เข้ารอบรองบอลโลก นั่นแหละผลงาน

ใครบอก ไม่ใช่ผลงาน ถามคำเดียวว่า คุณจะหวังให้อังกฤษเป็นแชมป์ทุกรายการจริงๆ หรือ?

นั่นหรือถึงจะเรียกว่าผลงาน ทีมอื่นไม่เก่งหรือยังไง ชาติอื่นไม่ต้องการคว้าแชมป์หรือไง การเป็นแชมป์แต่ละรายการมันลากเลือดแค่ไหนไม่รู้หรือไง

การพาทีมลงเล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่มา 3 ครั้ง แล้วทำได้ดีขนาดนี้ ถือว่า เซาธ์เกต ทำดีกว่ากุนซือชื่อดังของอังกฤษทุกคนที่ผ่านมาด้วยซ้ำ

ถึงยังไม่ได้แชมป์ แต่ก็ยังมีโอกาส เรียกว่ายังอยู่บนเส้นทาง

และเส้นทางที่ เซาธ์เกต เลือก ก็คือเกมรับ เน้นความแน่นอน เอาผลแข่งขันโดยไม่สนใจรูปแบบ

คุณอาจจะบอกว่า ตัวดีขนาดนี้ ทำไมไม่เปิดเกมรุกไปเลย เปลี่ยนสไตล์ก็ได้นี่

งั้นก็ถามอีกทีว่า ในเมื่อแนวทางที่คุณทำมา มันทำให้คุณประสบความสำเร็จ แล้วคุณจะเปลี่ยนมันทำไม ถ้าเป็นคุณ คุณจะเปลี่ยนมันไหม?

แต่ละทีมมีแนวทางของตัวเอง เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ มันอาจจะถูกหรือผิด ไม่มีใครรู้ เราจะรู้ก็ตอนที่จบงาน ผลงานเท่านั้นที่จะบอก

ไม่ได้บอกว่า เซาธ์เกต ทำถูก หรือชอบ เซาธ์เกต เพียงแค่จะบอกว่า ทุกอย่างมันมีกระบวนการ

Kieran Trippier Marc Guéhi

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ เลือกกระบวนการที่คิดว่าดีที่สุด เชื่อมั่นในกระบวนการนั้นแบบสุดหัวใจ ทำตามกระบวนการให้ดีที่สุด ที่เหลือเป็นเรื่องของอนาคต

ผลจะออกมาเป็นยังไง จะผิดจะถูก ไม่มีใครบอกได้ ทุกอย่างจะถูกตัดสินตอนจบเท่านั้น

ถ้ากระบวนการถูก ก็ก้าวไปเป็นแชมป์ หรือไม่ก็เข้ารอบลึกๆ

แต่ถ้าผิด แน่นอนว่า เขาก็ต้องไป และให้คนใหม่มาเริ่มต้นกระบวนการใหม่

สำหรับอังกฤษ เผอิญว่า กระบวนการของโค้ช กับ คุณสมบัติของนักเตะที่เขามีในมือ มันเป็นคนละขั้วกัน

เราจึงได้เห็นความกระอักกระอ่วน ดูไม่ผ่อนคลายสบายตัวเหมือนเล่นกับสโมสร นั่นเพราะตัวรุกแต่ละคนต้องถูกสั่งให้มาทำหน้าที่ในเกมรับ

บูกาโย ซากา, ฟิล โฟเดน, จูด เบลลิงแฮม หรือกระทั่ง แฮร์รี เคน ได้รับคำสั่งให้ต้องลงมาช่วยเกมรับ มันจึงเกิดความไม่สบายใจ ความวิตกกังวล และเล่นไม่เป็นธรรมชาติเหมือนอยู่สโมสร

Jude Bellingham

นี่คือปัญหาใหญ่ที่ เซาธ์เกต ต้องแก้ให้ได้ ถ้าลักลั่นอย่างนี้ต่อไป จบไม่สวยแน่

ก่อนหน้านี้ ในกระบวนการของเขา ที่มันประสบความสำเร็จได้ เพราะเขามีองค์ประกอบที่เข้ากัน และมีคีย์แมนในเกมรับที่ดีอย่าง แฮร์รี แม็คไกวร์ และ คัลวิน ฟิลลิปส์

แต่ครั้งนี้ เขาไม่มีทั้งคู่ นักเตะในทีมมีคุณสมบัติไม่ตรงกับสเปกของเขา ทุกอย่างเลยดูสับสนไปหมด

ทางแก้ก็อยู่ที่เขาว่าจะใช้พวกตัวรุกมาเล่นเกมรับต่อไป

หรือถอดตัวรุกออกไปบางคนแล้วเอาตัวรับธรรมชาติลงมา

พร้อมเปิดโอกาสให้ตัวรุกที่เหลือเล่นเกมรุกเต็มตัวไปเลย ไม่ต้องมากังวลกับเกมรับ

ถูกต้อง ที่กุนซือที่ดีต้องยึดมั่นกับความเชื่อและกระบวนการของตัวเอง แต่กุนซือที่ดีกว่าจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และความเหมาะสมได้ด้วย

เพราะไม่ใช่ทุกครั้งหรอก ที่มันจะเป็นไปตามแผน

เซาธ์เกต จะเปลี่ยนหรือไม่ และจะเปลี่ยนยังไง นั่นแหละจะบ่งชี้ว่า อังกฤษ จะไปถึงแชมป์หรือไม่?