ครอบครัวที่ประกอบไปด้วย พ่อ แม่ ลูกสาวคนโต วัย 8 ขวบ และลูกชายคนเล็ก วัย 5 ขวบ ย้ายบ้านใหม่เข้าไปอยู่ในอพาร์ตเมนต์ขนาด 160 ตารางเมตร หลังปรับปรุงตกแต่งภายในเรียบร้อย ในวันย้ายบ้าน ลูกสาวคนโตก็ไม่สบายทันที มีอาการตาแห้ง เจ็บคอ หลังจากนั้น คุณพ่อก็มีอาการป่วยคล้าย ๆ กัน ส่วนคุณแม่หลังผ่านไป 2 สัปดาห์ ก็เจ็บคอจนเสียงหาย ขณะที่ลูกชายก็มีอาการป่วยคล้ายคลึงกัน ทำให้ทั้ง 4 คน ตัดสินใจเดินทางไปตรวจที่โรงพยาบาล ก่อนพบว่าทั้งหมดได้รับสาร “ฟอร์มาลดีไฮด์” ซึ่งเป็นสารไม่มีสี แต่มีกลิ่นฉุน โดยทั่วไปใช้เคลือบเฟอร์นิเจอร์ประเภทไม้

หลังกลับจากหาหมอ คุณพ่อได้รีบแจ้งให้บริษัทตกแต่งภายในเข้ามาทดสอบหาสารฟอร์มาลดีไฮด์ในบ้านจากเฟอร์นิเจอร์ทั้ง 36 ชิ้น พบว่ามีเฟอร์นิเจอร์เพียง 5 ชิ้น ที่ค่าฟอร์มาลดีไฮด์อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ส่วนที่เหลือมีสารฟอร์มาลดีไฮด์เกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะตู้เก็บของในห้องลูกชายวัย 5 ขวบ สุดท้ายเจ้าของบ้านต้องตัดสินใจรื้อเฟอร์นิเจอร์เก่าทิ้งทั้งหมด เพื่อไม่ให้ครอบครัวต้องป่วยเรื้อรังอีกต่อไป

ฟอร์มาลดีไฮด์ ถือเป็นสารก่อมะเร็ง การสูดดมฟอร์มาลดีไฮด์เพียงเล็กน้อย อาจทำให้ระคายเคืองต่อดวงตาและจมูก ส่งผลให้มีน้ำมูกไหลเป็นเวลานาน ทำให้เกิดพิษเรื้อรัง เป็นอันตรายต่อ ตับ ปอด และไต ในระยะยาวทำให้เป็นมะเร็งได้

วิธีขจัดสารฟอร์มาลดีไฮด์ออกจากเฟอร์นิเจอร์ ก็คือการนำเฟอร์นิเจอร์มาวางทิ้งไว้ในที่โล่งแจ้ง หรือกลางแจ้ง เป็นระยะเวลา 2-3 สัปดาห์ ก่อนจะขนเข้าไปในบ้าน และไม่ควรซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหม่เข้าบ้านจำนวนมากในคราวเดียวกัน หลังจากที่บ้านตกแต่งเสร็จแล้ว ควรทิ้งเอาไว้ 1-2 เดือนก่อน ค่อยย้ายเข้าไปอาศัยอยู่.

ที่มาและภาพ : soha