กรณี กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ กองบัญชาการตำรวจนครบาล นำกำลังบุกเข้าจับกุม พระวี อายุ 35 ปี จำวัดดังอยู่ย่านพระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ หลังสืบว่ามีพฤติกรรมลักลอบจำหน่ายยาเสพติดให้กับวัยรุ่น และยังมีพฤติกรรมเสพเมถุนกับเพศเดียวกันในกุฎิ โดยจับกุมได้พร้อมของกลางไอซ์ 3.7 กรัม เข็มฉีดยา และ เงินล่อซื้อ เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.67 ที่ผ่านมา พื้นที่ สภ.บ้านคลองสวน จ.สมุทรปราการ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

จับคากุฏิ ‘มารศาสนา’ ค้ายานรก-เสพเมถุน ตกดึกสลัดจีวรหนีวัดออกเที่ยว

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 มิ.ย.67 ที่วัดสวนแก้ว ต.บางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พระพยอม กลฺยาโณ เจ้าอาวาสวัดสวนแก้ว กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า เพื่อนที่พานายวี ไปเที่ยว เขาไม่มีการปกป้องคุ้มครองทางศาสนา เป็นตัวสนับสนุนที่เกิดความเลวทราม นายวี ที่ห่มผ้าเหลืองถ้าเพื่อนไม่มารับไปคงจะดีกว่านี้ ส่วนเพื่อนที่มารับไม่มีการปกป้องพระพุทธศาสนา เป็นลูกใครก็ว่า พ่อแม่ไม่สั่งสอน ไม่รู้เรื่องศาสนาเลยว่าพระไปทำชั่วทำผิด ยังมีหน้าไปรับไปส่ง เสียทั้งน้ำมันรถ เสียเวลา เสียเพื่อน เสียศาสนา มีเพื่อนเลวๆในผ้าเหลืองแบบนี้ยังจะมาเป็นทาสรับใช้เขา

พระพยอม กล่าวอีกว่า การรับใช้ใครสักคนควรจะต้องรับใช้ด้วยความน่านับถือ แต่นี่หมดความน่านับถือแล้วยังไปเป็นทาสรับใช้เขา ชาวพุทธบ้านเราเป็นอุปสรรคเป็นมอดชอนไช พุทธศาสนา สงสัยสิ่งที่ทำไปอาจจะได้เงินจากนายวี ถึงตัดสินใจทำ ซึ่งนายวีขายยาบ้าได้ คงให้เงินเพื่อมารับ ครั้งละ 1,000-2,000 บาท จึงรับงานเป็นอาชีพเลวๆรับส่งพระไปทำเลว คิดว่าเห็นเงินดีกว่าคุณงามความดี เห็นเงินดีกว่าศาสนา รับไปสถานที่ไม่เหมาะสม ใครรับใช้เพื่อนในลักษณะนี้แสดงว่าเป็นการรีบใช้บาปเต็มตัว รีบใช้บาปแทน ซึ่งถ้าเป็นอาตมาจะไม่ทำพิธีสึกให้จะโยนกางเกงให้ใส่ให้รีบออกไปจากศาสนาเร็วๆ ไม่เสียเวลา เพราะคนแบบนี้ขาดจากความเป็นพระมานานแล้ว เรื่องนี้มันผิดทั้งคู่ เพื่อนนายวี เอารถพาไปเที่ยว ไม่มีความสำนึก ดันสนับสนุนความเลวทราม