ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่มูลนิธิบัวหลวง ธนาคารกรุงเทพ จัดการประกวดวาดภาพ จิตรกรรมบัวหลวง ครั้งที่ 45 ขึ้น โดยมีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมไทยให้ยั่งยืนถาวร ตลอดจนสนับสนุนศิลปินรุ่นใหม่จำนวนมากที่มีทักษะ แนวคิด และความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานด้านจิตรกรรม เพื่อให้ได้ผลงานที่มีคุณภาพและมีคุณค่า และมีโอกาสขึ้นเวทีแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สาธารณชน ซึ่งมีศิลปินได้ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดเป็นจำนวนมาก ซึ่งปรากฏว่า นายศุภกร ปัญญาสงค์ อายุ 16 ปี หรือ ”น้องทาม” นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จากโรงเรียนวินิตศึกษาในพระราชูปถัมภ์ จ.ลพบุรี ที่ส่งผลงานชื่อภาพ  “สังเวชแห่งโลกียวัตถุ” เทคนิค สีอะคริลิก+EE บนผ้าใบ ขนาด 120×150 ซม. เข้าร่วมประกวด ได้ติดผลงานร่วมแสดงในการประกวดดังกล่าว ซึ่งนับว่าเป็นศิลปินที่มีอายุน้อยที่สุดที่มีโอกาสในการส่งภาพเข้าประกวดเข้าแข่งขัน ทำให้ชาวลพบุรีต่างภาคภูมิใจที่มีเยาวชนตัวแทนของลพบุรี และเป็นเยาวชนที่มีอายุน้อยที่สุดที่มีโอกาสได้ร่วมแสดงผลงานในการประกวดวาดภาพที่มีชื่อเสียงระดับประเทศครั้งนี้

นายศุภกร เผยว่า ตนเองมีความชอบและความรักในการวาดรูปตั้งแต่ตอนเด็กอายุ 6 ขวบ และได้หมั่นฝึกฝนในการสร้างสรรค์ผลงานและเป็นที่รู้จักของผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ ยิ่งมีโอกาสได้รับความเมตตาจากอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ให้ได้ชมผลงานของท่าน และได้สอนแนวทางการวาดภาพ จึงทำให้เกิดแรงบันดาลใจและความมุ่งมั่นพัฒนาการวาดภาพให้ดี กระทั่งทราบข่าวการประกวดวาดภาพจิตรกรรมบัวหลวง ซึ่งเป็นงานที่ศิลปินระดับอาจารย์และศิลปินรุ่นพี่ๆ ได้ส่งผลงานเข้าประกวด จึงเป็นแรงบันดาลใจให้วาดภาพ  “สังเวชแห่งโลกียวัตถุ” ชิ้นนี้ขึ้นมา โดยใช้เวลา 2 เดือน ในการวาดภาพ เมื่อมีการประกาศผลตนเองรู้สึกภูมิใจมากๆ   

“ผลงานชิ้นนี้ผมถ่ายทอดมุมมองเกี่ยวกับมนุษย์โลก อันมีกิเลส ตัณหา โลกีย์วิสัย ที่อยากได้ในสิ่งที่ตนปรารถนา รวมไปถึงการที่คนหันไปกราบไหว้บูชาและมีความเชื่อในบางอย่างที่ต้องการทำให้ตนสมหวังในสิ่งที่ตนอยากได้ จนทำให้จุดประสงค์แท้จริงของการนับถือศาสนาหรือศึกษาพระธรรมคำสอนนั้นถูกลดคุณค่าลงไป จึงเป็นแรงบันดาลใจให้สร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้โดยใช้มุมมองผ่านการแทนตนเป็นท้าวเวสสุวรรณ อันเป็นหนึ่งในเทพที่มีคนนับถือจำนวนมาก อยู่ในลักษณะท่านาฏลักษณ์ที่กำลังมองลงมาดูโลกมนุษย์ทั้งจิตที่เมตตา และจิตที่รู้สึกสังเวชในมนุษย์ทั้งหลายที่บูชาท่านเพื่อเพียงตอบสนองกิเลสของตนจนทำให้เมืองมนุษย์นั้นเปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นดินแดนที่บุคคลทั้งหลายมีความปรารถนาอันไร้ขีดจำกัดหาจุดที่สิ้นสุดของความสุขมิได้ โดยแท้จริงแล้วท่านต้องการให้ความรู้พระธรรมคำสอนแก่มนุษย์เพื่อใช้มโนธรรมอันเป็นสิ่งที่ประเสริฐแก่ปวงสรรพสัตว์ โดยต้องการให้ภาพนี้เป็นจุดสะท้อนมุมมองที่พระศาสนา และมโนธรรมอันเป็นสิ่งที่ประเสริฐ แต่กลายเป็นถูกลดคุณค่าลงไปเมื่อเทียบกับโลกียวัตถุในโลกปัจจุบัน” ศิลปินรุ่นใหม่เผยความเป็นมาของการวาดภาพดังกล่าว