เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. ที่กองบังคับการปราบปราม เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัว 8 ลูกเรือน้ำมันเถื่อนที่หลบหนีไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป” และมี 14 คน (ลูกเรือเดิม) ถูกแจ้งข้อหาเพิ่มคือ “ร่วมกันทำให้ทรัพย์สินของเจ้าพนักงานของรัฐสูญหาย” (ม.142) ส่วนอีก 1 คนที่เป็นลูกเรือใหม่ ถูกแจ้งข้อหาช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษหรือรับโทษน้อยลง (ม.184) เนื่องจากพบหลักฐานเป็นคนไปซื้อเสบียงขับใส่รถซาเล้งมาส่งขึ้นไปกับเรือ

ตรวจแล้วเรือของกลางทั้ง3ลำ พบเหลือน้ำมันแค่4,900ลิตร

ผู้สื่อข่าวสอบถามภรรยาของ 1 ใน 8 ลูกเรือ ที่เดินทางมาเยี่ยมสามีทั้งน้ำตา ว่า สามีตนอายุมากแล้ว แต่ด้วยความถนัดและมีความชำนาญกับเรือเป็นอย่างดี จึงเข้าไปทำงานกับบริษัทนี้ได้ประมาณ 1 ปี ทำหน้าที่เป็นไต้ก๋งเรือ เงินเดือนราวๆ 30,000 บาท โดยตนทราบเพียงว่าเวลาสามีออกเรือไปทำงานนานๆ ก็เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว แต่ในส่วนรายละเอียดเชิงลึกไม่ทราบจริงๆ และไม่เคยได้ยินชื่อของเสี่ยโจ้ ว่าเป็นเจ้าของเรือมาก่อน เพราะสามีเป็นแค่ลูกจ้างธรรมดา และเชื่อว่าสามีคงไม่มีสิทธิจะไปรู้เรื่องอะไรของเจ้านายขนาดนั้น พอได้รับคำสั่งมาก็ทำตาม ซึ่งยอมรับว่าตัวเองก็เครียด ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ สงสารสามี เป็นห่วง เพราะอายุเยอะแล้ว

พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เปิดเผยถึงกรณีตำรวจคุมตัวลูกเรือน้ำมันเถื่อน 8 คน ในคดีร่วมกันขโมยเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำหลบหนี จากการควบคุมของตำรวจน้ำ มาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้นำตัว 3 ใน 8 ผู้ต้องหาไปสอบปากคำเพิ่มเติมในบางประเด็นที่สงสัย และจะนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน ไปขออำนาจศาลอาญารัชดาฝากขัง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลถึงพฤติกรรม ว่าก่อเหตุอย่างอุกอาจ และเกรงว่าจะหลบหนีหากได้รับการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาที่เหลืออีก 7 คน ที่หายไปจากข้อมูลของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนี้เชื่อว่าหลบหนีไปกับเรือลำหนึ่งที่มีชื่อว่า เคนาย (K9) เป็นเรือขนาดใหญ่ที่สามารถบรรทุกน้ำมันได้มากถึง 2 ล้านลิตร และคาดว่าเป็นเรือที่ขโมยเอาของกลางไปทั้งหมด เบื้องต้นได้สั่งให้ชุดสืบส่วนประสานข้อมูลทางประเทศกัมพูชาแล้ว และติดตามตัวมาดำเนินคดี

พ.ต.อ.เอนก เผยอีกว่า เรือ เคนาย ที่กล่าวมาข้างต้น เบื้องต้นตำรวจมีข้อมูลทราบว่าเป็นเรือของเสี่ยโจ้ ปัตตานี จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้พบว่าเสี่ยโจ้ อยู่เบื้องหลังของการขโมยเรือและของกลางทั้งหมด โดยมีบุคคลอื่นช่วยประสานและสั่งการ ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างเร่งรวบรวมพยานหลักฐานออกหมายจับภายใน 1-2 สัปดาห์นี้

ต่อมาเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 รายขึ้นรถตู้ของกองบังคับการปราบปราม ไปฝากขังที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก พร้อมคัดค้านการประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน โดยระหว่างที่ผู้ต้องหาทั้งหมดกำลังเดินขึ้นรถตู้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม หนึ่งในผู้ต้องหาซึ่งเป็นไต้ก๋งเรือ ว่ารู้หรือไม่ ว่าเรือผิดกฎหมาย ซึ่งเจ้าตัวยกมือปฏิเสธขอไม่ตอบคำถาม ก่อนรีบเดินขึ้นรถไปทันที พร้อมกับลูกเรือคนอื่นๆ

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามไต้ก๋งเรืออีกคน ว่ารู้จักเสี่ยโจ้หรือไม่ เจ้าตัวบอกว่า “ไม่รู้” และพยักหน้ายอมรับว่า รู้ว่าออกเรือไปทำงานผิดกฎหมาย พร้อมทั้งยังพยักหน้าตอบรับว่ารู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป ยืนยันว่าตัวเองไม่ได้อยากทำ แต่มีคนคอยสั่งการให้ทำ