เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์และพิจารณาแนวทางการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์น้ำ โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์  พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์  เสนาธิการทหารบก ในฐานะตัวแทนผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ธนะศักดิ์ ชื่นอิ่ม  รองปลัดกระทรวงกลาโหม  และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมด้วย

โดยนายกฯ รับฟังการรายงานสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน และแนวโน้มสถานการณ์ รวมถึงการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและลดผลกระทบจากสถานการณ์น้ำ และแผนการดูแลและช่วยเหลือประชาชน

จากนั้นนายกฯ กล่าวว่า ตนได้เคยเชิญประชุมบริหารจัดการน้ำเมื่อเดือน พ.ค. เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งประเมินสถานการณ์เตรียมความพร้อมรับมือน้ำทั้งประเทศ วางแนวทางแก้ไขปัญหาในเชิงบรรเทาผลกระทบให้น้อยที่สุด บริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ปัญหาบางอย่างอาจจะแก้ไขยาก อาจจะดำเนินการในหน่วยงานเดียว แต่ถ้าประสานงานร่วมมือกันประสิทธิภาพก็จะเพิ่มขึ้น 

ทั้งนี้ ระหว่างการประชุม นายกฯ ได้สอบถามถึงเรื่องการกักเก็บน้ำ ระบายน้ำที่จังหวัดอุบลราชธานี และความเสี่ยงของน้ำแล้ง พร้อมกับสอบถามด้วยว่าในปีนี้น้ำจะท่วมหรือไม่ในพื้นที่ไหน

โดยนายสุรสีห์ กล่าวยอมรับว่า น้ำท่วม  ซึ่งน้ำท่วมฉับพลันมีแน่นอนอยู่แล้ว โดยเฉพาะพื้นที่กรุงเทพมหานครน่าจะมี เนื่องจากปัจจุบันสภาพอากาศแปรปรวนในเรื่องความเข้มของฝน  ยกตัวอย่างเช่น พื้นที่กรุงเทพมหานคร ระบบการระบายน้ำสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง แต่ปริมาณฝนที่ตกลงมา บางครั้งความเข้มเกิน  60 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง หรือบางช่วงถึง 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง ก็จะเกิดน้ำขังรอการระบาย และพื้นที่ลุ่มต่ำต่างๆ มีแนวโน้มที่จะท่วมอย่างแน่นอน และในช่วงฤดูฝนปีนี้ปริมาณฝนมากกว่าค่าปกติ จึงมีแนวโน้มที่จะท่วม แต่เราได้มีการเตรียมการ และบริหารจัดการทุกรูปแบบ เพราะถ้าไม่ทำก็จะเกิดปัญหาน้ำท่วมในปริมาณมาก และอาจเป็นช่วงระยะเวลายาว แต่ที่เราวางมาตรการรับมือไว้ในบางพื้นที่อาจจะท่วมแต่เมื่อมีการป้องกันก็อาจจะไม่ท่วมได้  รวมถึงบางพื้นที่มีแนวโน้มอาจจะท่วมมาก แต่ก็อาจจะทำให้ท่วมน้อยลงหลังจากที่เราดำเนินมาตรการต่างๆ ที่วางไว้

ด้านนายชัชชาติ กล่าวรายงานว่า กรุงเทพมหานครได้ดำเนินการแก้ไขจุดต่างๆ ตามที่นายกฯ มอบนโยบายไว้แล้ว โดยมีการกำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ดำเนินการไปเกือบครบถ้วนแล้ว ทั้งขุดลอกคูคลอง ลอกท่อ เป็นไปตามเป้าหมาย ส่วนที่ต้องขอสนับสนุนคือขอสนับสนุนกองทัพเรือเรื่องเครื่องผันน้ำ จึงขออนุญาตประสานกองทัพเรือต่อไป และในเรื่องของกรมชลประทานขอให้ช่วยระบายน้ำคลองรังสิตและเขตประเวศ ซึ่งที่ผ่านมาฝนตกทางกรมชลประทานช่วยกรุณาระบายน้ำออก ทำให้ลดระดับน้ำลงได้ และอีกส่วนคือกรมทางหลวงที่มีพื้นที่บริหารที่ยังทำคูระบายน้ำไม่เสร็จในจุดวิภาวดี ก็จะเร่งดำเนินการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขณะที่กรมราชทัณฑ์ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือดีมาก เรื่องการลอกท่อ ต้องขอชื่นชม

‘นายกฯ’ถกหน่วยงานรับมือน้ำท่วม ยกเป็นวาระแห่งชาติ

ขณะที่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เราได้ถอดบทเรียนทุกปีของสถานการณ์น้ำ ซึ่งเห็นว่ายังไม่ได้เตรียมเรื่องสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงอยากรบกวนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมกัน เพื่อตั้งศูนย์บริหารบริการสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกๆ ภาคด้วย 

จากนั้นนายกฯ กล่าวอีกว่า ศูนย์ส่วนหน้าทำงานมา 2 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีปัญหา ดังนั้นเราควรมาพูดกันว่าตรงไหนไม่เวิร์กแล้วตรงไหนต้องแก้ไขปัญหาบ้าง ส่วนข้อเสนอของ ร.อ.ธรรมนัส โดยหลักการให้ทุกกระทรวงที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้รับไปปฏิบัติตามด้วย ทั้งนี้ ขอสรุปสั้นๆ ข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมกับสถานการณ์น้ำ เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพแหล่งน้ำในพื้นที่ทุ่งลำน้ำ พื้นที่ลุ่มจุดเกิดน้ำท่วมซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่ให้เกิดน้ำเน่าเกิดขึ้น พื้นที่เศรษฐกิจชุมชนเมืองต้องป้องกันน้ำเข้า ห้ามเกิดน้ำไหลท่วมฉับพลัน ต้องมีแผนเร่งระบายน้ำ  หน่วยงานจะต้องเข้าร่วมกันดูแลอย่างเป็นเอกภาพ วางแผนบูรณาการให้ดี เรื่องเคลียร์ทางน้ำวัชพืชที่ทำให้เกิดความตื้นเขินและอย่างที่ทราบกันดี รองนายกฯ บอกปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งต้องดูเรื่องบูรณาการและแผนระยะยาว และเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งเราคุยกันในช่วง 4-5 เดือนข้างหน้านี้ก็ต้องแก้ไขปัญหาด้วย ขอให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและประสานงานกันอย่างดี.