เมื่อเวลา 09.25 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่อาคารรัฐสภา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าร่วมการประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 เป็นวันที่สอง โดยนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการอภิปรายของฝ่ายค้านที่ดูเหมือนยังไม่มั่นใจในเรื่องโครงการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาล ว่า ตนคิดว่าได้ชี้แจงครบแล้วในเรื่องของดิจิทัลวอลเล็ต แต่คิดว่าเป็นข้อกังขามากกว่าว่าดิจิทัลวอลเล็ตจะมาช่วยเศรษฐกิจอย่างไร ซึ่งเคยอธิบายไปแล้วหลายหน

เมื่อถามว่ามองกันว่าเงินก้อนโตนี้จะไปเป็นภาระของรัฐบาลในอนาคต โดยเฉพาะหลังปี 2570 นายกฯ กล่าวว่า ตรงนี้เชื่อว่าเราต้องบาลานซ์ระหว่างระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวด้วย การที่เรากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นไปก่อนที่นโยบายอื่นๆ จะเริ่มออกมากระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนจากบริษัทข้ามชาติที่จะเข้ามา และมีการจ้างงาน สร้างการผลิตด้วยการยกระดับอุตสาหกรรมไทยขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ระหว่างนั้นเมื่อเงินดิจิทัลวอลเล็ตมาช่วยแล้ว บวกกับการลงทุนจากต่างประเทศที่เข้ามา ก็จะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) โตขึ้น ซึ่งจะทำให้การใช้หนี้เกิดขึ้นได้ 

เมื่อถามต่อว่า กังวลหรือไม่ ที่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  บอกว่าร่างงบประมาณอาจจะผ่านวาระ 1 แต่วาระ 3 ที่มีเวลาพิจารณา 105 วัน อาจมีการเปลี่ยนแปลงและอาจไปถึงศาลรัฐธรรมนูญ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องเหล่านี้ตามที่ตนบอก ความกังวล เราต้องให้เกียรติทุกๆ คน โดยเฉพาะภาคนิติบัญญัติที่มีความไม่สบายใจ ขอใช้คำนี้ดีกว่า ก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องตอบคำถามต่อไป ส่วนเรื่องจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ก็ต้องว่าไปตามกลไกตรงนั้น รัฐบาลก็มีหน้าที่ต้องตอบ

เมื่อถามด้วยว่า ในการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มีการปะทะกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ในคำว่าเจ๊งกับเจ๊ง มองตรงนี้อย่างไร โดยมีการลามไปถึงคำว่ายุบพรรคด้วย นายกฯ กล่าวว่า ก็เป็นวาทกรรมที่เขาตอบโต้กันไป คำพูดอะไรที่มันรุนแรง อย่างที่บอกเจ๊งกับเจ๊งหรืออะไร ตนไม่อยากใช้คำพวกนี้ ถ้าฝ่ายหนึ่งแรงมาและอีกฝ่ายแรงกลับไปมันก็เกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น.