นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้นายอุดม ศรีสมทรง และนายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน นำทีมเฉพาะกิจลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานเชือดของผู้ส่งออกไก่รายใหญ่ในหลายจังหวัดพร้อมกัน ประกอบด้วย กรุงเทพฯ นครปฐม ลพบุรี กาญจนบุรี สระบุรี และพัทลุง เพื่อตรวจสอบการกำหนดปริมาณและราคารับซื้อ ปริมาณสต๊อกของเนื้อไก่และชิ้นส่วนไก่ และสัดส่วนปริมาณและราคาการจำหน่ายสินค้าในประเทศและการส่งออก เพื่อดูแลปริมาณเพียงพอ ไม่ขาดแคลนและราคาปรับตัวสูงเกินไป

“การลงพื้นที่ตรวจสอบดังกล่าว เป็นไปตามข้อสรุปที่เกิดขึ้นจากการประชุมร่วมกันระหว่างกรมกับผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ โดยได้กำชับให้ผู้ส่งออกดำเนินการตามที่ได้ตกลงกันในการจัดสรรสัดส่วนการจำหน่ายเนื้อไก่และชิ้นส่วนไก่ในประเทศอย่างเต็มที่ และพิจารณาการส่งออกให้อยู่ในระดับเหมาะสม ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อผลผลิตที่จำหน่ายและกระทบต่อราคาในประเทศ ซึ่งทุกรายได้รับปากที่จะจัดสรรสัดส่วนการจำหน่ายในประเทศอย่างเต็มที่ แต่กรมไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงต้องมาตรวจสอบให้เป็นไปตามที่ได้ตกลงกันไว้ และเป็นการดูแลผู้บริโภคไม่ให้ได้รับผลกระทบ”

นายวัฒนศักย์ กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ราคาเนื้อไก่ปรับเพิ่มขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2567 ที่ผ่านมา และยังทรงตัวอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ เป็นช่วงอากาศร้อนและแล้งจัด ส่งผลให้ไก่โตช้า น้ำหนักลดลง และต้องเพิ่มระยะเวลาการเลี้ยงอีก 3-5 วัน ทำให้ผู้เลี้ยงมีภาระต้นทุนเพิ่มขึ้น 6% จากต้นปี ผู้ประกอบการจึงมีการปรับขึ้นราคาให้สอดคล้อง

“แต่กรมได้เข้าไปดูแลแล้ว โดยจัดประชุมร่วมทั้งเกษตรกรผู้เลี้ยง ผู้ผลิตและผู้ส่งออก เพื่อแก้ไขปัญหา และได้ข้อสรุปว่าจะไม่มีการปรับขึ้นราคาอีก ส่วนการเลี้ยง ก็จะเร่งเลี้ยงเพิ่มขึ้น เพราะสภาพอากาศเย็นลง ทำให้ไก่โตปกติ และปริมาณผลผลิตเริ่มเข้าสู่ตลาดตามรอบเป็นปกติแล้ว และจากนี้ สถานการณ์จะเริ่มดีขึ้น และราคาจะปรับตัวลดลงในที่สุด”

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการดูแลผู้บริโภค กรมได้ประสานห้างค้าส่งค้าปลีก จัดโปรโมชั่นลดราคาเนื้อไก่และชิ้นส่วน เพื่อช่วยลดค่าครองชีพ และได้ติดตามสถานการณ์การเลี้ยง การค้า ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทุกวัน เพื่อกำกับดูแลราคาให้อยู่ในโครงสร้างทุกราย ซึ่งผลการตรวจสอบยังไม่พบปัญหา แต่จะมีการติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดต่อไป ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย