จากกรณีที่นายกษิดิ์ชาติ ทองด้วง อายุ 53 ปี พี่ชายนายเชาวลิต ทองด้วง หรือ “แป้ง นาโหนด” ได้เดินทางเข้าเยี่ยมน้องชายเป็นครั้งแรกผ่าน VDO Conference (วิดีโอคอนเฟอเรนซ์) ก่อนออกมาเปิดเผยว่า นายเชาวลิต มีความประสงค์ขอพบทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ เพื่อต้องการให้ข้อมูลสำคัญ กระทั่งทนายเดชา ได้ออกมาแถลงข่าวว่า นายเชาวลิตต้องการพูดคุยถึงกรณีมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการและธุรกิจสีเทาผิดกฎหมาย รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ที่ช่วยให้นายเชาวลิต หลบหนีออกนอกประเทศ พร้อมระบุว่า มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องจำนวนมากกว่า 10 นาย มีเงินหมุนเวียนที่ส่งต่อให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ทั้งตำรวจ สส. นักการเมืองท้องถิ่น และอัยการ มูลค่าหลายสิบล้านบาท เฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเดียวก็เป็นระดับพลตำรวจเอกที่อยู่นอกราชการ ตามที่มีการรายงานข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 19 มิ.ย. ที่ ห้องประชุมชิดชัยวรรณสถิตย์ อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. (ดินแดง) พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า นายเชาวลิตมีสิทธิและเสรีภาพในการร้องทุกข์หรือให้ข้อมูล หากเขาให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อทนายความ เพราะนายเชาวลิตมีสิทธิพบทนายความอยู่แล้ว นอกจากนี้ เราได้มีการตั้งคณะทำงาน แต่การที่เขาจะพูดอะไรก็ต้องมีพยานหลักฐาน ซึ่งวานนี้ (18 มิ.ย.) ตนได้ถามไปยังราชทัณฑ์ คือ เราดูตามหลักการและให้เขาปฏิบัติเหมือนกับนักโทษรายอื่น ๆ คือ ไม่ก่อเหตุหลบหนีและไม่ก่อเหตุร้าย อย่างไรก็ตาม ในเรื่องที่นายเชาวลิตระบุว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐหลายรายเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ตนได้ถามไปยัง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รรท.อธิบดีดีเอสไอ บอกว่า ที่ผ่านมาทางราชทัณฑ์ยังไม่อนุญาตให้ไปสอบปากคำ เพราะนายเชาวลิตยังอยู่ระหว่างการกักโรคโควิด-19 แต่วันนี้เมื่อพ้นระยะการกักโรค และไม่มีผลโควิด-19 เราก็ได้มีการตั้งเรื่องไว้แล้วว่าในการหลบหนีของเขา มีใครให้ความช่วยเหลือบ้างหรือไม่ และที่เขาร้องทุกข์ขอความเป็นธรรม เขายังยืนยันในคำร้องทุกข์หรือไม่ เขามีพยานหลักฐาน หรืออยากให้การเพิ่มเติมหรือไม่ ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ดีที่นายเชาวลิตจะให้ข้อมูล โดยเฉพาะเราส่งเสริมให้ประชาชนร่วมแจ้งเบาะแสข้อมูลการกระทำความผิด ซึ่งเรามีหน้าที่ตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อถามถึงผลสอบสวนวินัยผู้ต้องขังของคณะกรรมการ เรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ว่าจะบังคับโทษขังเดี่ยวแป้ง นาโหนด นานกี่เดือน รวมถึงรายงานการตรวจสอบดังกล่าวได้เสร็จสิ้น หรือส่งแจ้งมายังเรือนจำกลางบางขวางหรือยัง พ.ต.อ.ทวี ระบุว่า ตอนนี้แป้งเป็นนักโทษเด็ดขาด เราจึงนำตัวมาคุมขังไว้ที่เรือนจำกลางบางขวาง ซึ่งเป็นเรือนจำมั่นคงสูง ดังนั้น ในเรือนจำฯ จะต้องไม่มีผู้ต้องขังที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นมาใหม่ และต้องไม่ไปสร้างเหตุวุ่นวายต่าง ๆ อีกทั้งทางเรือนจำกลางบางขวาง แจ้งรายงานมาว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา (ช่วงกักโรค 10 วัน) แป้งยังคงอยู่ในวินัยของราชทัณฑ์ ส่วนเรื่องเกณฑ์บังคับโทษขังเดี่ยว จะนาน 3 เดือนหรือไม่นั้น ทราบว่าทางเรือนจำฯ จะมีเกณฑ์อยู่ แต่อยู่ที่การประเมิน ซึ่งมีทั้งการพัฒนาพฤตินิสัย มีหลักการทางวิชาการ จากนั้นจึงจะมีการรายงานการพัฒนาของผู้ต้องขังว่าเป็นอย่างไรบ้าง ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้รับรายงานจาก ผบ.เรือนจำกลางบางขวาง (นายยุทธนา นาคเรืองศรี) ว่าสรุปแล้วผลการบังคับโทษขังเดี่ยว แป้ง นาโหนด จะใช้เวลาเท่าไร แต่คงจะมีการรายงานแจ้งมาเร็วๆ นี้

พ.ต.อ.ทวี ระบุอีกว่า แม้แป้งจะเป็นผู้ต้องขังหลบหนีออกจากสถานที่คุมขัง แต่ตนก็ได้กำชับว่าห้ามมีการทรมานผู้ต้องขังเกิดขึ้น ต้องปฏิบัติเหมือนกันกับผู้ต้องขังรายอื่น ๆ ส่วนการจะเข้าสู่กระบวนการพักโทษ หรือพ้นโทษของนายเชาวลิต ในรายคดีเก่า ๆ ทางราชทัณฑ์ มีระเบียบคณะกรรมการฯ ดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดผู้ต้องขังจากทัณฑสถาน/เรือนจำทั่วประเทศ กรอบระยะเวลาต่าง ๆ คณะกรรมการจะเป็นผู้รายงานให้ ผบ.เรือนจำ/ทัณฑสถาน รับทราบ แต่แป้งยังมีคดีใหม่ (คดีหลบหนีออกจากสถานคุมขัง) ดังนั้น จึงยังไม่ทราบรายละเอียด อย่างไรจะมอบหมายให้อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ดำเนินการไว้ชี้แจงในภายหน้า.