เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจเฟซบุ๊ก “นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์” แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้ออกมาโพสต์​ข้อความเล่าประสบการณ์ ของผู้ป่วยรายหนึ่ง โดยเป็น “ผู้ป่วยชายอายุ 38 ปี ปกติแข็งแรงดี มีประวัติเป็นโรคหอบหืด 7 ปี ใช้ยาพ่นขยายหลอดลมเฉพาะเวลามีอาการเท่านั้น” เริ่มมีไข้สูง ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หอบเหนื่อยมาก 3 วัน ฉีดวัคซีนป้องกันโควิดซิโนแวค 2 เข็ม และแอสตราเซเนกา 1 เข็ม เคยติดโควิดมาแล้ว 2 ครั้ง ไม่เคยรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ มาโรงพยาบาลวันที่ 10 มิถุนายน 2567

ตรวจร่างกาย อุณหภูมิ 39 องศาเซลเซียส หัวใจเต้นเร็ว 167 ครั้งต่อนาที ฟังปอดมีเสียงวี้ดทั้ง 2 ข้าง ระดับออกซิเจนที่ปลายนิ้วต่ำ 87% ขณะที่ใส่สายออกซิเจนทางจมูก 5 ลิตรต่อนาที เอกซเรย์ปอดปกติ แยงจมูกส่งตรวจหาแอนติเจนไวรัสทางเดินหายใจ 7 เชื้อด้วยชุดตรวจเร็วให้ผลลบ ส่งตรวจรหัสพันธุกรรม 22 เชื้อโรคทางเดินหายใจใช้เวลา 2 ชั่วโมง พบไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A H1N1

วินิจฉัย: หอบหืดกำเริบเฉียบพลันจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A
รับเข้าห้องไอซียู ต้องให้ออกซิเจนชนิดอัตราการไหลสูงทางจมูก High-Flow nasal O2 cannula ให้ยาต้านไวรัส oseltamivir ยาสเตียรอยด์ฉีด ยา singulair ยาพ่นขยายหลอดลม ใช้เวลา 3 วันกว่าคนไข้จะค่อยๆ ดีขึ้น ย้ายขึ้นวอร์ดได้ กลับบ้านได้หลังนอน รพ. 8 วัน

ผู้ป่วยรายนี้เคยป่วยเป็นโรคโควิด 2 ครั้ง แต่อาการไม่หนักเท่ากับการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ครั้งนี้ ไวรัสไข้หวัดใหญ่มีผลพวงตามมากับบางคนที่เป็นโรคหอบหืด ทำให้หอบหืดกำเริบเฉียบพลันถึงขั้นระบบหายใจเกือบล้มเหลว โชคดีที่รักษาเร็ว ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี จะช่วยลดโอกาสป่วยหนักจากโรคหอบหืดกำเริบถึงขั้นเข้าห้องไอซียูได้..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC