นายรองรักษ์ พนาปวุฒิกุล รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานกฎหมาย และหัวหน้ากลุ่มงานเลขานุการองค์กรและกำกับองค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลท.จะเริ่มใช้มาตรการเพิ่ม Uptick รายหลักทรัพย์ ในวันที่ 1 ก.ค. 67 โดยวันที่ 21 มิ.ย. นี้ จะทบทวนหลักทรัพย์ที่ Short Sell ได้ และวันที่ 24 มิ.ย. 67 จะประกาศรายชื่อหลักทรัพย์ที่จะสามารถทำ Short Sell ก่อนประกาศผลบังคับใช้ ที่จะเพิ่ม Uptick ทุกหลักทรัพย์
สำหรับมาตรการเพิ่ม Uptick รายหลักทรัพย์ เป็นการกำหนดให้ขายชอร์ตเซล (ในทุกหลักทรัพย์) ได้ในราคาที่สูงกว่าราคาขายครั้งสุดท้าย (Uptick) จากปัจจุบันให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า (Zero-plus Tick)
“ต่อไปถ้าจะชอร์ตเซลต้องราคาสูงกว่าราคาซื้อขายครั้งสุดท้าย หลังใช้ Uptick เชื่อว่าการทำชอร์ตเซลในตลาดหุ้นน่าจะทำได้ยากขึ้น จากปัจจุบันที่ให้ขายชอร์ตได้ที่ราคาเท่ากับหรือสูงกว่า”
ทั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นผู้ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งมาตรการนี้เป็นมาตรการสำคัญมีผลต่อความเชื่อมั่นผู้ลงทุน จึงขอความร่วมมือบริษัทสมาชิก (โบรกเกอร์) ปรับระบบซอฟต์แวร์ไว้รองรับ ซึ่งจากการสอบถามสมาชิกส่วนใหญ่พร้อม แต่ยังมีโบรกเกอร์บางรายอาจไม่พร้อม
อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าว ถือเป็นมาตรการระยะยาว ซึ่งจะมีการทบทวนเป็นระยะ เบื้องต้นหลังใช้มาตรการจะทบทวนทุก 3-6 เดือน ว่ามาตรการบรรลุวัตถุประสงค์ตามคาดหวังหรือไม่ หากเพิ่ม Uptick แล้ว ยังใช้ไม่ได้ผลด้านความเชื่อมั่นผู้ลงทุน คาดหวังว่าจะมีมาตรการอื่นๆ ที่เข้มข้นขึ้นไปอีก ซึ่ง ตลท. เตรียมมาตรการ เพิ่ม Daily Short Selling Limit ไว้รองรับ หรือกำหนดการ Short Sell แบบรายวัน
นอกจากนี้ จะมีการเพิ่ม Circuit Breaker รายหุ้น โดยกำหนดกรอบการเคลื่อนไหวของราคา (ที่แคบกว่า Celling & Floor) เอาไว้ เพื่อไม่ให้ราคาผันผวนเกินไป (เฟส 1-เฉพาะในส่วนหุ้นแม่) ซึ่งเลื่อนการบังคับใช้ จากไตรมาส 2 ไปเป็นไตรมาส 3 ปีนี้ และได้เพิ่มเติม กำหนดให้ใช้กับหลักทรัพย์ที่มีหุ้นนั้นเป็น Underlying ด้วย และมาตรการหยุดคำสั่งซื้อขายที่อาจผิดปกติ (Auto Halt) จะเลื่อนจากไตรมาส 4 ปีนี้ไปเป็นไตรมาส 1 ปีหน้า