เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ธีระ เชื้อสุวรรณ ผกก.4 บก.สอท.5 พ.ต.ท.คมสัน สมอ่อน สว.กก.4 บก.สอท.5 ร่วมกันนำหมายค้นเข้าตรวจค้นแหล่งผลิตอาวุธปืนได้เป้าหมาย 4 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 4 ราย ยึดอาวุธปืนไม่มีทะเบียน 7 กระบอก กระสุนปืน 27 นัด ชิ้นส่วนอาวุธปืน และอุปกรณ์การผลิตจำนวนมากหลายรายการ

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อประมาณช่วงเดือนธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดไซเบอร์การ์ด กก.4 บก.สอท.5 สืบสวนพบว่า มีบัญชีเฟซบุ๊กอวตารโพสต์ขายอาวุธปืนดัดแปลงจากปืนบีบีกันอัดแก๊ส ทำการเปลี่ยนลำกล้อง ชุดยิง และแม็กกาซีนให้สามารถยิงกระสุนจริงขนาด .22 ได้ จึงได้เกาะติดพฤติกรรมจนนำไปสู่การตรวจค้นจับกุมกลุ่มผู้ต้องหาในพื้นที่จังหวัดภาคกลาง ได้แก่ นายนที (สงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี, นายณัฐพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 28 ปี, นายเสกสรรค์ (สงวนนามสกุล) อายุ 47 ปี และ นายมานิตย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี โดยมีของกลางอาวุธปืนดัดแปลงขนาดต่าง ๆ พร้อมเครื่องกระสุนจำนวนมาก ชิ้นส่วนและเครื่องมือช่างใช้ทำอาวุธปืนจำนวนหลายรายการ

จากการสืบสวน พบหลักฐานว่า นายณัฐพงษ์ กับนายมานิตย์ ต่างก็ใช้บัญชีเฟซบุ๊กอวตารทำการโพสต์ขายอาวุธปืนอยู่ในกลุ่มเดียวกัน และสนิทสนมกันต่างฝ่ายต่างแลกข้อมูลความรู้และอุปกรณ์หรือชิ้นส่วนปืนให้กันบ่อยครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าค้นที่บ้านพักของ นายมานิตย์ พบของกลางอาวุธปืนอยู่ภายในบ้าน และยังพบหลักฐานว่านายนทีเคยส่งอาวุธปืนมาให้นายเสกสรรค์ จำนวนหลายกระบอก จึงเข้าค้นที่บ้านพักของนายเสกสรรค์ พบของกลางทั้งหมดอยู่ภายในบ้าน

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจแจ้งข้อหา ทำประกอบ ซ่อมแซม หรือมีอาวุธปืน กระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืน (ลำกล้อง แม็กกาซีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จึงควบคุมตัวพร้อมของกลางนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดําเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.