เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการประชุมวันนี้ เพื่อพิจารณาในหลายเรื่องที่รวมถึงคดีที่ 40 สว. ยื่นถอดถอนนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จากกรณีการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่า ศาลรัฐธรรมนูญประชุมเพื่อพิจาณราเรื่องดังกล่าว หลังฝ่ายนายกรัฐมนตรีได้ส่งบัญชีระบุพยานหลักฐานให้กับศาลฯ แล้วเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งส่งพยานแค่รายเดียวคือ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่ยังไม่มีผลอะไรออกมาในช่วง 1-2 วันนี้ เนื่องจากต้องใช้เวลาพิจารณาอีกหลายวัน เพราะเป็นผู้ที่รู้กระบวนการทั้งหมด

ผู้สื่อข่าวถามว่าจากการที่ได้ตรวจคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯ จะรอดพ้นข้อกล่าวหาคดีดังกล่าวหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “อย่าให้ผมออกความเห็น หรือถ้าคุณจะบอกให้ผมพูดว่าดูแล้วไม่รอดแหงๆ มันก็จะประหลาด หรือถ้าจะให้บอกว่ารอดแน่ๆ ก็พูดไม่ได้ เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ก็ควรทำให้ศาลฯ สบายอกสบายใจ พวกคุณยิ่งพูดอยู่เรื่อยว่าผมชี้นำศาล”

เมื่อถามว่าจะชี้แจงต่อศาลฯ อย่างไร ให้เห็นว่าการแต่งตั้งนายพิชิต ถูกต้องตามกฎหมาย นายวิษณุ กล่าวว่า เอาไว้ให้ผู้ที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร แต่ตอนนี้ศาลรัฐธรรมนูญยังไม่ได้เริ่มอ่าน แล้วจะมาพูดอะไรก่อนหรือมาแถลงนอกศาลอย่างนี้ไม่ดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการส่งคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรีต่อศาลรัฐธรรมนูญ มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความซื่อสัตย์สุจริตและเรื่องจริยธรรมด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ส่งคำอธิบายเรื่องเหล่านี้ไปด้วย แต่ไม่ถึงขั้นใส่คำนิยามของเรื่องเหล่านี้ แต่ใช้คำที่ทุกคนเข้าใจกันอยู่ แต่คำว่าซื่อสัตย์สุจริต หรือคำว่าทำผิดมาตรฐานจริยธรรม มันมีความหมายของมันตามรัฐธรรมนูญและมีกระบวนการอยู่ ทั้งนี้ คำว่ามาตรฐานจริยธรรมไม่ใช่เป็นคำที่แต่งขึ้นเรียกกันเอง แต่เป็นชื่อกฎหมาย ซึ่งถ้าใครที่ทำผิดมาตรฐานจริยธรรมนั้น จะต้องถูกยื่นร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งมันมีเส้นทางการดำเนินการของมันอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเด็นนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาเป็นหลักหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะอย่างอื่นสามารถพิสูจน์เป็นรูปธรรมได้ง่าย เช่น เคยถูกจำคุกหรือไม่ เคยต้องคำพิพากษาหรือไม่ สิ่งเหล่านี้แค่ยื่นกระดาษ 1-2 แผ่น มายื่นก็พอ แต่เรื่องมาตรฐานจริยธรรมนั้น ใครก็ตรวจไม่ได้ เพราะมีกระบวนการเฉพาะต่างหาก หรือ คำว่า มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ เรามองกัน ก็เห็นว่าซื่อสัตย์สุจริต แต่อยู่ๆ เราจะไปบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตนั้น ตามรัฐธรรมนูญถือเป็นอันตราย เพราะถ้าบอกว่าใครไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ก็จะถือว่าบุคคลนั้นขาดคุณสมบัติตลอดชีวิต

เมื่อถามว่าบางฝ่ายระบุว่าการพิจารณาเรื่องมาตรฐานจริยธรรม น่าจะเป็นหน้าที่ขององค์กรอื่นที่ไม่ใช่ศาลรัฐธรรมนูญ คิดว่าเป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในรัฐธรรมนูญระบุว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของหน่วยงานอื่นด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าในอดีตเคยมีคดีใดที่มีความใกล้เคียงและสามารถเป็นบรรทัดฐานเทียบกับคดีของนายกรัฐมนตรี บ้างหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เคยมีกรณีที่มีบุคคลถูกยื่นร้องเพื่อให้ออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ได้เหมือนกับกรณีของนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ เพราะกรณีนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งนายพิชิตเป็นรัฐมนตรี นายพิชิต ยังไม่ได้ลงตำแหน่งและได้ลาออกก่อนที่ศาลจะพิจารณาคำร้องก็ถือว่าจบเรื่อง โดยกรณีของนายกรัฐมนตรีถูกยื่นร้องว่าทำไมไม่ตรวจดูให้ดีก่อนจะแต่งตั้ง หรือไม่แต่งตั้งคนอื่น แต่คดีอื่นๆ ในอดีตเป็นเรื่องที่แต่งตั้งบุคคลไปดำรงตำแหน่งแล้ว และคนนั้นเริ่มทำงานแล้ว และถูกผู้ร้องตรวจพบ

เมื่อถามอีกว่าการที่นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่รู้พฤติกรรมในอดีตของนายพิชิตนั้น คิดว่าฟังขึ้นหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนอธิบายไปทั้งหมดแล้ว ทั้งนี้เป็นเรื่องการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาดคดีของนายกรัฐมนตรี จะถือเป็นบรรทัดฐานต่อคดีอื่นๆ ในอนาคตได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า เป็นบรรทัดฐานได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า ผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญจะออกมาเร็วหรือช้า นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบ แต่คงจะยังไม่ออกมาภายใน 5 วัน 7 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าตามรูปการณ์แล้ว คิดว่าจะสามารถขยายเวลาชี้แจง 15 วัน นายวิษณุ กล่าวว่า เวลาที่ต้องส่งบัญชีพยาน ต้องนึกให้หมดว่าจะใช้พยานกี่คน ไม่ใช่ยื่นพยานไปหนึ่งคนแล้วต่อมาบอกว่า เพิ่งนึกออกแล้วจะยื่นเพิ่มอีก ทำอย่างนี้ไม่ได้