เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายร่มธรรม ขำนุรักษ์ สส.พัทลุง และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยผลการประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ ในวันนี้ (17 มิ.ย.) ว่า การประชุม สส.พรรคประชาธิปัตย์ในวันนี้มีวาระสำคัญคือ กรณีที่จะมีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 ระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.นี้ โดยนายประมวล พงษ์ถาวราเดช ประธาน สส. และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เชิญสำนักงบประมาณของรัฐสภามาให้ข้อมูลแก่ สส. ผู้ช่วย สส. และเจ้าหน้าที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เน้นย้ำให้ สส.ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการทักท้วงและตรวจสอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ซึ่งมาจากภาษีของประชาชน และขณะนี้มี สส.ของพรรคที่แสดงความประสงค์จะอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณดังกล่าว จำนวน 8 คน โดย สส. แต่ละคนจะอภิปรายด้านเศรษฐกิจ ท้องถิ่น เกษตร และสิ่งแวดล้อม

นายร่มธรรม กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ได้ตั้งข้อสังเกตต่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ 3 ประเด็น คือ 1.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 เป็นงบประมาณที่ตั้งใจกู้หนี้ เพราะเป็นการตั้งงบประมาณแบบขาดดุล และก่อหนี้สาธารณะเพิ่มจำนวนมาก โดยงบประมาณปี 2568 ได้ตั้งไว้ 3.75 ล้านล้านบาท ขาดดุล 800,000 กว่าล้านบาท 2.งบกลางเพิ่มขึ้น ทั้งที่พรรคเพื่อไทยในสมัยที่เป็นฝ่ายค้าน เคยอภิปรายไว้ว่างบกลางเป็นงบที่ไม่มีความโปร่งใส อาจนำไปสู่การทุจริต แต่ในงบกลางของปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 มีรายการใหม่ คือรายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นเงิน 100,000 กว่าล้านบาท ถือเป็นความพยายามของรัฐบาลที่จะนำงบประมาณปี 2568 บางส่วนไปทำโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีปัญหาต่อโครงการนี้ แต่เรามีปัญหาในเชิงที่มาของรายได้ที่รัฐบาลเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา ซึ่งตอนนี้ชัดเจนว่าจะต้องกู้ด้วยการเอาเงินมาจากงบประมาณ ปี 2567 ปี 2568 และงบประมาณของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) บางส่วน รวมแล้วเป็นเงิน 500,000 กว่าล้านบาท สร้างหนี้สาธารณะให้ประเทศมากมาย ขณะที่หลายหน่วยงานสะท้อนว่าโครงการนี้อาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง นี่คือค่าเสียโอกาสของประเทศที่เราต้องเอาเงินจำนวนนี้ไปทำโครงการอื่นๆ

นายร่มธรรม กล่าวว่า 3.งบประมาณปี 2568 ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ หมายความว่าเป็นการจัดงบประมาณที่ไม่สามารถแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน และไม่สามารถแก้ไขปัญหาความท้าทายของประเทศได้ในมิติอื่นๆ โดยรัฐบาลนี้ล้มเหลวเรื่องเศรษฐกิจ และโครงการเดียวที่เป็นเรือธงอาจไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ อีกทั้งรัฐบาลไม่ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสังคมอื่นๆ เพราะงบประมาณด้านสังคมและอื่นๆ มีน้อยมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งที่ปัญหาใหญ่ระดับประเทศและระดับโลก มีปัญหามลพิษทางอากาศ ภัยแล้ง สภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงที่จะเลวร้ายมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัญหามิจฉาชีพ ปัญหายาเสพติด ปัญหาค่าครองชีพสูง ราคาสินค้าเกษตรผันผวน