ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ร้านโชห่วย ร้านค้าปลีก นักสูบ สิงห์อมควัน กำลังเดือดร้อน ประสบปัญหาบุหรี่ขาดตลาดอย่างหนัก หลังการยาสูบแห่งประเทศไทย และผู้ประกอบการบุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศ ได้ทำหนังสือแจ้งหยุดส่งบุหรี่ออกมาจำหน่าย หรือส่งสินค้าได้น้อยกว่าที่สั่ง โดยอ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างกำหนดราคาขายปลีกใหม่อยู่ ส่งผลให้ตอนนี้บุหรี่ไม่พอขาย และทำให้ร้านค้าส่ง ค้าปลีกที่ของอยู่ถือโอกาสโก่งราคาขึ้นไปซองละ 5-10 บาท เช่น บุหรี่ซองละ 60 บาท แต่ขายกัน 65-70 บาท
“สาเหตุที่ผู้ผลิตบุหรี่แจ้งหยุดส่งสินค้าชั่วคราว เป็นผลจากการขึ้นภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่เมื่อ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกรมสรรพสามิตได้แจ้งให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า จะต้องขายบุหรี่ราคาเดิมไปก่อน 1-2 สัปดาห์ เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นบุหรี่ลอตเก่าที่เสียภาษีอัตราเดิมอยู่ พร้อมทั้งย้ำว่าหากใครฉวยขึ้นราคาจะมีความผิดทางกฎหมาย ส่งผลให้บรรดาผู้ผลิตต่างชะลอการขายบุหรี่จนกว่าจะจัดทำราคาบุหรี่ใหม่เสร็จ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลา 1-2 สัปดาห์”
นางวราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าวว่า ตลาดบุหรี่กำลังปั่นป่วน และของขาดตลาดมา 1-2 สัปดาห์แล้ว หลังจากบริษัทบุหรี่ และการยาสูบฯ ได้แจ้งหยุดส่งของให้ ทำให้ช่วงนี้หากร้านไหนอยากมีบุหรี่ขาย ก็ต้องไปหาซื้อกันเองในราคาแพงกว่าปกติ เช่น บุหรี่ซอง 60 บาท ก็ต้องซื้อคอตตอน 630-650 บาท และมาขายปลีกซอง 67-70 บาท ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าผิดธรรมชาติ เพราะปกติทุกครั้งที่มีการขึ้นภาษี จะไม่มีปัญหาบุหรี่ขาดตลาด แต่จะมีบุหรี่ราคาใหม่ออกมาขายได้ทันที
รายงานข่าวจากการยาสูบแห่งประเทศไทย ได้ทำหนังสือแจ้งบรรดาร้านค้าส่งบุหรี่ทั่วประเทศ เพื่อแจ้งงดจำหน่ายบุหรี่เป็นการชั่วคราว เนื่องจากการประกาศราคาขายปลีกแนะนำใหม่ ยังอยู่ในขั้นตอนการนำเสนอพิจารณาอนุมัติจากรมสรรพสามิต ซึ่งจะต้องใช้เวลาพิจารณาอยู่พอสมควร ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้รับอนุมัติราคาขายปลีกแนะนำใหม่ การยาสูบฯ จึงจำเป็นต้องงดการจำหน่ายบุหรี่เป็นการชั่วคราวตั้งแต่ 1 ต.ค.64 ไปจนกว่ามีการประกาศราคาขายปลีกแนะนำใหม่
ด้านบริษัท ฟิลลิป มอร์ริส เทรดดิ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายบุหรี่จากต่างประเทศ ทำหนังสือแจ้งแนวทางการขายบุหรี่ต่อคู่ค้าว่า เนื่องจากมีการประกาศอัตราภาษีสรรพสามิตบุหรี่ใหม่ เมื่อ 1 ต.ค.64 ทำให้บริษัทกำลังพิจารณาโครงสร้างราคาและราคาขายปลีกใหม่ โดยระหว่างนี้ยังพร้อมจำหน่ายบุหรี่ราคาเดิมอยู่ แต่เนื่องจากมียอดสั่งซื้อบุหรี่เพิ่มเข้าจำนวนมาก ทางบริษัทไม่สามารถตอบสนองได้หมด และต้องจัดสรรให้ตามยอดขายเฉลี่ยย้อนหลัง และปริมาณสินค้าคงเหลือ เพื่อให้กระจายบุหรี่ถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึง รวมถึงขอให้ร้านค้าปลีกขายบุหรี่ตามราคาแนะนำเดิมไปก่อน