สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ว่า จีนเป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ของเยอรมนี โดยคิดเป็นสัดส่วนสำคัญของยอดขายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ร้อยละ 61 ของบริษัทเยอรมนี 186 แห่งในการสำรวจของหอการค้าเยอรมันในจีน ระบุว่า “แรงกดดันด้านราคา” เป็นปัญหาใหญ่สุดที่พวกเขาเผชิญในจีน

รายงานระบุว่า อุปสงค์ที่อ่อนแอ ซึ่งเชื่อมโยงกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็เป็นความกังวลอันดับต้น ๆ เช่นกัน

อนึ่ง จีนเป็นตลาดรถยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก และมีความก้าวหน้ามากที่สุด ในแง่ของการผลิตรถอีวี ทว่าการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค ทำให้เกิดสงครามราคาระหว่างผู้ผลิต และส่งผลกระทบต่อผลกำไรในเวลาต่อมา

“แน่นอนว่าแรงกดดันด้านราคา เป็นผลมาจากกำลังการผลิตที่มากเกินไป แต่บริษัทของเรามีความเห็นตรงกันว่า พวกเขาจะรอดพ้นช่วงเวลาเหล่านั้นได้ ก็ต่อเมื่อพวกเขามีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้น” นายแมกซิมิเลียน บูเตก หัวหน้าหอการค้าเยอรมันในจีน กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ ทางการเยอรมนีแสดงความกังวลเกี่ยวกับแผนการของอียู ในการปรับขึ้นภาษีนำเข้ารถอีวีจากจีน โดยเกรงว่า บริษัทรถยนต์รายใหญ่ของประเทศ เช่น โฟล์คสวาเกน, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และบีเอ็มดับเบิลยู ซึ่งลงทุนอย่างหนักในจีน อาจเผชิญกับการตอบโต้ทางเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ นายโรแบร์ต ฮาเบค รมว.เศรษฐกิจเยอรมนี จะเดินทางเยือนจีนในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศ ซึ่งโฆษกของเขาระบุว่า ฮาเบคจะไม่หลีกเลี่ยงการพูดถึงประเด็นภาษีนำเข้าของอียู.

เครดิตภาพ : AFP