ความคืบหน้าการสืบสวนคดีเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน 3 ลำหายไปจากสะพานตำรวจน้ำ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 17 มิ.ย. ที่ บก.ปอศ. พ.ต.อ.ชัชวาล ชูชัยเจริญ ผกก.2 บก.ปอศ เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกตัวผู้ต้องหา ในคดีขายน้ำมันเถื่อนทั้ง 5 ลำ ที่จับกุมได้ เมื่อวันที่ 19 มี.ค. ซึ่งขณะนั้นมีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 28 คน โดยหลังทราบเรื่องว่ามีลูกเรือบางส่วนนำเรือของกลางพร้อมน้ำมันหลบหนีไปจากจุดที่ควบคุม บก.ปอศ.จึงได้ประสานไปยังทนายความที่เป็นนายประกันให้ โดยนำหมายเรียกให้ผู้ต้องหาทั้ง 28 คน ที่ได้รับการประกันตัวออกไปทั้งหมดเป็นจำนวนเงิน 3.1 ล้านบาท ให้พาผู้ต้องหามารายงานตัว เพื่อตรวจสอบว่ามีผู้ต้องหารายใดบ้างที่หายไป 


พ.ต.อ.ชัชวาล เปิดเผยอีกว่า วันนี้มีผู้ต้องหาเดินทางมาเพียงแค่ 11 คน และมีอีก 2 คนที่เป็นคนไทยและเมียนมาที่ไม่ได้เดินทางมา ทั้งนี้ตนได้กำชับทนายให้รีบพาผู้ต้องหาที่เหลือมารายงานตัว ส่วนผู้ต้องหาที่หลบหนีไปกับเรือของกลาง จำนวน 15 คน หลังจากนี้ตนจะไปหารือกับอัยการสูงสุด เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักร ว่าจะออกหมายจับหรือไม่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดในคดีแรกถึงให้ประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 28 คน พ.ต.อ.ชัชวาล เปิดเผยว่า เหตุที่ให้ประกันตัวในคดีแรกเพราะเรือลำที่บรรทุกน้ำมันมา มีการชำรุดต้องสูบน้ำออกตลอดเวลา หากจะต้องใช้บุคลากรอื่นมาดูแลจะไม่ครอบคลุม จึงมีการพิจารณาให้ประกัน และให้มาดูแลเรือ ซึ่งทนายได้สัญญาว่าจะไม่หลบหนี 


พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวถึงลูกเรือที่หลบหนีว่า หลังจากนี้จะมีการเพิกถอนใบประกันและเตรียมออกหมายจับต่อไป และสำหรับผู้ต้องหาในคดีลักเรือ หลังจากนี้จะให้เป็นหน้าที่ของกองปราบปรามในการตรวจสอบเพื่อหาข้อเท็จจริง ว่าใครมีพฤติการณ์ในการลักเรือหรือไม่ ซึ่งหลังจากวันนี้หากผู้ต้องหาทั้งหมดเข้ารายงานตัวแล้วเสร็จจะมีการประสานตำรวจกองบังคับการปราบปรามเพื่อขยายผลต่อไปว่าใครมีส่วนร่วมในการลักเรือ และหากมีพยานหลักฐานที่เชื่อมโยง ทางกองปราบปรามก็จะแจ้งข้อหาได้ในทันที รวมถึงตัวผู้ต้องหาทั้ง 15 คนที่หนีไปก่อนหน้าด้วย


พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวถึงความเชื่อมโยงกับนายทุนชื่อ จ. ในคดีเดิมว่า ในการสอบสวนครั้งแรกมีการส่งทนายความมานั่งประกบผู้ต้องหาจำนวนมาก และนายประกัน ทนายความไม่เปิดเผยให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเงินสำหรับประกันตัวนั้นได้มาจากที่ใด แต่ยืนยันว่าตำรวจได้ทำสำนวนอย่างลึกและละเอียด แต่ไม่ขอเปิดเผยเรื่องในสำนวนมากนัก เพราะอาจกระทบต่อรูปคดี แต่ขอให้เชื่อในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งทั้งผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางและอัยการสูงสุดทำอย่างเต็มที่ร่วมกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และตั้งแต่เรือหายไปทางผู้บังคับบัญชาก็ได้เข้ามาตรวจสอบสำนวนซึ่งยังไม่พบว่ามีส่วนใดที่บกพร่องมีเพียงการควบคุมเรือเท่านั้นที่บกพร่อง ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบแล้ว  ทั้งนี้ สำหรับแนวทางการสืบสวนที่ผ่านมา ยังไม่ชัดเจนแน่ชัดว่าเป้าหมายคือเรือหรือน้ำมัน 

พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวถึงผู้ต้องหาทั้ง 15 คนที่หลบหนีไปว่า หากมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลากเรือไปก็จะถูกเพิ่มโทษในข้อหาเกี่ยวกับการลักทรัพย์ หรือป.อาญา 142 ซึ่งต้องให้พนักงานสอบสวนในคดีหลักพิสูจน์จากพยานหลักฐาน เช่น วงจรปิดจากท่าเรือ และการพิสูจน์ผู้ที่มีส่วนร่วมกับการนำรถของกลางออกไป


“อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้นานขนาดนี้ มีคำถามที่ต้องตอบว่า เกิดจากผู้ต้องหาอย่างเดียวหรือไม่ หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่ หรือ ทุกอย่างประกอบกัน”


เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการประสานติดตามตัวนาย จ.กลับมาหรือไม่ พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวว่า ให้เป็นหน้าที่ของทางกองปราบปราม และที่ผ่านมามีการประสานข้อมูลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เป็นประโยชน์ในคดีกับทางกองปราบปรามโดยตลอด แต่เรามีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลบางอย่างไว้ เนื่องจากเชื่อว่าทางผู้กระทำความผิดเป็นผู้อิทธิพล และไม่แน่ใจว่าคนรอบตัวอยู่กับเขาบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้

พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวอีกว่า การจับกุมในคดีแรกนั้น ทางศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน (ศ.ปนม.ตร.) ได้สั่งการให้ตำรวจน้ำ และเจ้าหน้าที่อีกหลายส่วนเข้าจับกุมโดยใช้เรือของตำรวจน้ำ เมื่อจับคนได้จึงคงเรือเข้ามาเทียบท่าที่ท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และส่งไปดำเนินคดีที่กองกำกับการ 2 ปอศ. เพราะมีการร้องทุกข์กล่าวโทษเกี่ยวกับการลักลอบ นำเข้าและเกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรเป็นหลัก ซึ่งเป็นการจับกุมในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลมาก ห่างจากเส้นฐาน 200 ไมล์ทะเล หรือเทียบเป็นกว่า 100 กิโลเมตรบนบก จึงดำเนินการในคดีนอกราชอาณาจักร ส่วนเขตราชอาณาจักรไทยอยู่ที่ประมาณ 12 ไมล์ทะเล  


“เชื่อว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้มีผู้ให้คำแนะนำในการลักลอบทำผิดกฎหมายเป็นอย่างดี คือให้โยกย้ายขนถ่ายน้ำมันในพื้นที่ที่ไกลมาก ทำให้การทำคดีครั้งนี้ต้องมีการปรึกษากับทางอัยการอย่างรอบคอบเพื่อทำสำนวนให้มีความละเอียดรัดกุมมากที่สุด เบื้องต้น ผู้ถูกกล่าวหามองว่าน่าจะนำน้ำมันมาจำหน่ายในประเทศไทย และมีพยานหลักฐานประกอบในสำนวนด้วย” พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าว

พ.ต.อ.ชัชวาล กล่าวทิ้งท้ายว่า สำหรับคดีนอกราชอาณาจักรคดีแรกนั้น ทาง กก.2 ปอศ. จะต้องสรุปสำนวนภายในหกเดือน ซึ่งขณะนี้ผ่านมาแล้วสองเดือน.