เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ เวลา 17.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะจัดงานเลี้ยงรับรอง เพื่อแสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นของกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล หลังจากคณะกรรมาธิการวุฒิสภามีการประชุมเรื่องนี้แล้วเสร็จ และเตรียมเปิดประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่…) พ.ศ. … หรือ “ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม” ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ โดยในงานจะมีทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) เอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยที่ให้ความสนับสนุนความหลากหลายทางเพศ ผู้ก่อตั้งและคณะทำงานบางกอกไพรด์ หน่วยงานราชการ องค์กรเอกชนและภาคประชาสังคมผู้สนับสนุนความหลากหลายทางเพศ เครือข่ายพันธมิตรสีรุ้ง ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และสื่อมวลชนอีกมากมาย 

นางรัดเกล้า กล่าวต่อว่า ในวันที่ 18 มิ.ย.นี้ ถือเป็นวันดีเดย์แห่งชาติ  ที่คนไทยจับตาดูหลายเรื่องซึ่งหนึ่งในเรื่องนั้นคือ การที่ร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียมจะเดินหน้าเข้าสู่เส้นชัย โดยหากที่ประชุมวุฒิสภาเห็นชอบ ร่างกฎหมายดังกล่าว จะส่งมายัง ครม. และ นายกรัฐมนตรี จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยจะมีผลใช้บังคับ หลังกฎหมายประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณในช่วงปลายปีนี้

นางรัดเกล้า กล่าวอีกว่า งานฉลองที่สนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้านั้นเป็นเพียงการคิกออฟของการเฉลิมฉลอง แต่เวลา 18.00 น. ขบวนพาเหรดของภาคประชาชนจะเดินหน้าไปที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (Bacc) เขตปทุมวัน เพื่อเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ มีทั้งการแสดงโชว์ การแสดงดนตรี การรวมตัวกันของคู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศที่จะเป็นอนาคตของครอบครัวภายใต้สมรสเท่าเทียมนี้ มีการประกาศถ้อยแถลงชัยชนะของการสมรสเท่าเทียมกัน และมีการเปิดสัญลักษณ์สมรสเท่าเทียมกันอีกด้วย

“ทุกๆ เดือนมิถุนายนของทุกปี ในหลายประเทศจะมีการจัดงานของกลุ่มคนผู้มีความหลากหลายทางเพศ ที่เราเรียกกันว่าเป็นเดือนแห่งเทศกาลไพรด์ หรือ Pride Month โดยเดือนแห่งเทศกาลไพรด์นี้จะเป็นเดือนแห่งความเท่าเทียมทางเพศ เป็นเดือนที่แสดงถึงความภาคภูมิใจของชาว LGBTQIAN+  ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลให้ความสำคัญ นับว่าเป็นวันของการพลิกหน้าประวัติศาตร์ เพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญนี้ รัฐบาลจึงจัดกิจกรรมขึ้น เพื่อตอกย้ำให้ทุกคนเห็นถึง “วินาทีของความเท่าเทียม” ที่รัฐบาลนี้สนับสนุนและผลักดันมาโดยตลอด ดังนั้นจึงขอชวนประชาชนได้แสดงความยินดีกับจุดเริ่มต้นนี้ และทำให้โลกเห็นว่า ไทยกำลังจะเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย ถัดจากไต้หวันและเนปาล และเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีกฎหมายแต่งงานของบุคคลเพศเดียวกัน” นางรัดเกล้า กล่าว.