นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า วิกฤตการ แพร่ระบาดของโควิด-19 ไม่เพียงเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตของผู้คน แต่ยังเร่งให้องค์กร หน่วยงานภาครัฐ เอกชน ต้องปรับตัวทรานส์ฟอร์มการทำงานไปสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ด้วย กระทรวงดีอีเอส โดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ เอ็ตด้า จึงเดินหน้าผลักดันให้ทุกภาคส่วน โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐให้เกิดการเปลี่ยนผ่านการทำงานอยู่ในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี อี-ออฟฟิศ (e-Office) และยกระดับอี-เซอร์วิส (e-Service) และสนับสนุนแพลตฟอร์มดิจิทัลภาครัฐ ส่งเสริมให้หน่วยงานภายใต้สังกัดกระทรวงเกิดการนำร่องใช้งานระบบ อี-สารบรรณ (e-Saraban) และใช้ ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ e-Signature ที่ทำให้การรับ-ส่งเอกสารทำได้ทุกที่ทุกเวลา เกิดการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกัน รองรับกับสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น

นายชัยชนะ มิตรพันธ์ ผู้อำนวยการ เอ็ตด้า กล่าวว่า เอ็ตด้า ได้ ผสานความร่วมมือกับภาคเอกชน โดย บริษัท เทคซอส มีเดีย จํากัด และบริษัทเทคโนโลยีเจ้าของโซลูชั่น อี-ออฟฟิศ หน่วยงานพาทเนอร์ จัดกิจกรรม “Hackathon: Finding the Best Enabler” มุ่งยกระดับธุรกิจเอสเอ็มอีไทยให้พร้อมกับการทำงานในยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ที่จะเข้ามาปลดล็อคและแก้ปัญหาการทำงาน สู่การเพิ่มความแข็งแกร่งทางธุรกิจสร้างโอกาสในอนาคต นอกจากนี้ยังเปิดโอกาสให้บริษัทที่เป็นผู้ให้บริการ (Service Provider) มาร่วมแข่งขัน ร่วมพัฒนาและสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเฟ้นหาสุดยอด นวัตกรรม หรือโซลูชั่น ด้าน อี-ออฟฟิศ ที่จะช่วยปลดล็อก เอสเอ็มอีไทยให้เปลี่ยนผ่าน การดำเนินธุรกิจไปสู่ดิจิทัลได้สำเร็จเร็วยิ่งขึ้น ด้วยโซลูชั่นที่ทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการ

ชัยชนะ มิตรพันธ์

นอกจากนี้ยังมีการจับคู่ธุรกิจระหว่างผู้ให้บริการซึ่งเป็นคนไทยและผู้ใช้งาน พร้อมเปิดให้เอสเอ็มอีทดลองใช้ บริการนวัตกรรม โซลูชั่น ด้าน อี-ออฟฟิศ ฟรี จากบริษัทผู้ให้บริการ ส่วนผู้ชนะในการแข่งขัน จะได้มีโอกาสในการเข้าร่วมทดสอบนวัตกรรมหรือ โซลูชั่นในสนาม เอ็ตด้า แซนบ็อกซ์ ด้วย

ด้าน น.ส.อรนุช เลิศสุวรรณกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท เทคซอส มีเดีย จำกัด กล่าวว่า กิจกรรม Hackathon: Finding the Best Enabler ได้รับความร่วมจากพันธมิตร ได้แก่ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.), สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย, ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD), ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (mai), สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa), สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) และ เครือข่ายพันธมิตร อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS เป็นต้น

โดยกิจกรรมดังกล่าวจะเปิดรับสมัครให้บริษัทผู้ให้บริการเข้าร่วมแข่งขันตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมถึงวันที่ 4 พฤศจิกายนนี้ บริษัทที่สนใจสามารถสมัครร่วมแข่งขันได้ผ่านทาง Link: https://bit.ly/3uF8tN8 จากนั้นทางคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจะทำการพิจารณาคัดเลือกบริษัทผู้ให้บริการที่ผ่านเข้ารอบจำนวน 40 ทีม ก่อนคัดเลือกให้เหลือ 10 ทีมสุดท้ายเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ โดยจะประกาศรายชื่ออย่างเป็นทางการในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2564 ก่อนจัดกิจกรรม Workshop ให้คำปรึกษา ร่วมพัฒนาและสร้างนวัตกรรม โซลูชั่น โดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ที่จะมีการจัดงานครั้งใหญ่ ในรูปแบบ Pitch Day & Business Matching ในวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564

โดยบริษัทผู้ให้บริการที่ได้รับรางวัลชนะเลิศ สุดยอดนวัตกรรม ด้าน e-Office จะได้รับรางวัล เป็นเงินสดมูลค่า 300,000 บาท ขณะที่รองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้รับรางวัลเป็น Credit AWS มูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ และรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้รับรางวัล Credit AWS จำนวน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐ