นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยถึงแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย พ.ศ. 2567-2580 (พีดีพี2024) ที่กระทรวงพลังงานเปิดออกมาว่า เป็นแผนที่มีการพัฒนาการดีขึ้น แต่อาจยังไม่ตอบโจทย์ความต้องการด้านพลังงานสีเขียว และราคาค่าไฟฟ้าที่ยังสูง เนื่องจากยังมองว่า ราคาประเมินค่าไฟเฉลี่ยที่ประกาศออกมาหน่วยละ 3.8704 บาท ยังสูงเกินไป มองว่า ไม่ควรเกินหน่วยละ 3.50 บาท ควรเน้นหลักการ 3 ด้าน
1.เริ่มจากความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ควรเน้นเปิดเสรี และมองความคุ้มค่าต้นทุนที่ต้องจ่ายไปกับความมั่นคง ควรมีนโยบายการเปิดเสรีไฟฟ้า และการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้กับบุคคลที่สาม ขณะเดียวกันควรเร่งส่งเสริมให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ควรพิจารณาสัดส่วนดีมานด์ และซัพพาย ให้เหมาะสม ไม่สร้างปัญหาดีมานด์ และซัพพลายมากเกินไป และควรดูความจำเป็นการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ความคุ้มค่า เปรียบเทียบกับการยืดอายุโรงไฟฟ้าเดิมแทนการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ที่ต้องมีสัญญาผูกพันไปอีก 20-25 ปี และทบทวนการพยากรณ์ความต้องการพลังงานไฟฟ้าของประเทศให้อยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไป ควรพิจารณานำเทคโนโลยีเอไอมาช่วยการพยากรณ์ และกรณีดัชนีโอกาสการเกิดไฟดับ นั้น ควรกำหนดเกณฑ์ช่วงเหมาะสม กำหนดเกณฑ์ค่าต่ำและเกณฑ์ค่าสูง ปัจจุบันเกณฑ์ค่าสูง คือ 0.7 วันต่อปี หรือ 18 ชั่วโมงต่อปี และให้ข้อมูลกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองควบคู่ไปด้วย
2.ราคาควรเหมาะสมและเป็นธรรม โปร่งใส รอบคอบ ปิดความเสี่ยงจากราคาพลังงานฟอสซิลผันผวน ควรมีการเปรียบเทียบต้นทุนพลังงาน ประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ ให้เห็นถึงโรงไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งส่งผลต่อความสามารถต่อการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรม โดยแสดงข้อมูลให้ชัดเจน เช่น ต้นทุนการก่อสร้างโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ ค่าเชื้อเพลิง ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าตลอดอายุของโรงไฟฟ้าหารด้วยปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้
3.ข้อสุดท้ายควรมุ่งสู่เป้าพลังงานสะอาดของประเทศ เปิดกว้างรับเทคโนโลยี และความร่วมมือกับทุกภาคส่วนมากขึ้น โดยการปลดปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศ มีเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ที่ต่ำมาก โดยเน้นลดการปลดปล่อยในภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง แต่ยังขาดแผนที่ชัดเจนในภาคส่วนดังกล่าว เพื่อให้ภาคการผลิตไฟฟ้าสามารถปรับลดการปลดปล่อยก๊าซฯ ได้บนความเป็นไปได้เชิงเศรษฐศาสตร์ ส่วนกรณีที่มีการเติมไฮโดรเจนเข้าไปผสมกับก๊าซธรรมชาติ ควรมีการพิจารณาถึงเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมด้วย