เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2568 วันที่ 19-21 มิ.ย. ในส่วนของงบกระทรวงกลาโหม ว่า งบบุคลากรลดลงแบบจิ๊บ ๆ ลดลงแบบธรรมชาติ แต่เอามาเคลมว่าเป็นผลงาน โดยงบฯ กลาโหม ในภาพรวมยังเพิ่มขึ้นอีก ส่วนที่ควรเพิ่มก็ไม่เพิ่ม งบซ่อมสร้าง การซ่อมบำรุงยานเกราะล้อยาง มีแค่ 40 ล้านบาท ทั้งที่ภารกิจชายแดนไทย-เมียนมา ยาว 2,401 กม. แต่ซื้อโดรนแค่ 10 ลำ พอหลังจากสภาอนุมัติก็ไปเปลี่ยนแปลงงบฯ เรื่องจำเป็นไม่ซื้อ เรื่องไม่จำเป็นก็ดองงบไว้ แล้วไปเล่นทริค กองทัพไม่พร้อมรับมือกับบริบทความมั่นคงใหม่ ภัยคุกคามตรงหน้า คือสถานการณ์ที่เมียนมา มีความจำเป็นต้องใช้ ทั้งโดรน แอนตี้โดรน และยานเกราะล้อยาง ตอนนี้มีรายงานจากสภาความมั่นคงว่า ฝ่ายที่เขาสู้รบกันมีการใช้โดรนทางยุทธการแล้ว ไม่ใช่แค่โดรนลาดตะเวน แต่มีโดรนพลีชีพ โดรนติดอาวุธ ในขณะที่หลักนิยมของกองทัพบก มีการกล่าวถึงเพียงแค่โดรนลาดตะเวนเท่านั้น ลองไปดูข่าวว่า เดี๋ยวนี้พ่อค้ายาเสพติด พ่อค้ามนุษย์ ใช้โดรนลาดตะเวน ขอถามหน่อย ว่าเรามีแอนตี้โดรนเพื่อบังคับโดรนของเขาให้ลงจอด เพื่อเก็บไว้เป็นของกลางหรือไม่

“ผมคิดว่าเราล้าหลัง นี่คือความอ่อนแอของกองทัพ รมว.กลาโหม ต้องใส่ใจมากกว่านี้ หวังว่าการอภิปรายรอบนี้ นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม จะเลิกกลัวก้าวไกล เลิกกลัววิโรจน์ เลิกกลัวฝ่ายค้าน แต่ผมก็ภูมิใจที่เป็นประธาน กมธ.ทหารคนแรกในประวัติศาสตร์ ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับ รมว.กลาโหม ได้เพียงขนาดนี้ ขอบอกนายสุทินว่าไม่ต้องกลัว โอ้ โอ๊ะ โอ๋ ใจเย็นๆ ไม่ต้องกลัว” นายวิโรจน์ กล่าว

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า หมดยุคแล้วที่จะนำเงินภาษีของประชาชนไปแลกอาวุธยุทโธปกรณ์มาดื้อๆ มันต้องมีผลประโยชน์ประเทศพ่วงด้วย แต่ของเราชอบเอาเงินไปแลกมาดื้อๆ อย่างเรือดำน้ำ เครื่องยนต์ก็เพิ่งใช้ปากีสถาน เราก็ไปรับเขามา แล้ว 8,000 ล้านบาท ที่จ่ายไป และอีก 2,000 ล้านบาท ที่ลงทุนไปกับ 1,200 วัน ประมาณ 4 ปี คิดดอกเบี้ย 2.5 เปอร์เซ็นต์ ปีละ 250 ล้านบาท 4 ปีที่เราต้องรอมีจำนวนพันล้าน รัฐบาลได้ตอบเรื่องเงินชดเชยที่จะได้รับหรือไม่ ทำไมสุดท้ายบอกว่าเป็นสัญญาจีทูจี ต้องยืดยุ่นทุกอย่าง อย่างนั้นอนาคตก็ไม่ต้องมีสัญญาแล้ว ส่งบรรณาการดอกไม้เงินดอกไม้ทองให้ก็แล้วกัน.