จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อดีตเป็นแอร์โฮสเตส พร้อม นายบี (นามสมมุติ) สามี และนายซี เพื่อนสนิทของทั้งสอง ได้เข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังจากอ้างว่าโดน พระเกจิดัง ที่เคยเคารพนับถือ ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ หลอกเสพเมถุน โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายพระใช้อุบายอ้างว่าตัวเองป่วยหนักเพราะช่วยเหลือส่งพลังไปให้ลูกศิษย์ จำต้องทำพิธีกรรมถ่ายพลังชีวิต ลักษณะเหมือนลัทธิถวายตัว ต้องมีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าพระ และให้พระเสพเมถุนทั้งกับหญิงและชาย ภายหลังทั้งสามยินยอมช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าฝ่ายพระเป็นผู้มีพระคุณมาก่อน กระทั่งฝ่ายพระอ้างว่าหายป่วยแล้วแต่ก็ยังไม่หยุดพฤติกรรมดังกล่าว ทั้งยังถ่ายคลิปลับไว้หลายครั้งหลายหน เพื่อเก็บเอาไปช่วยเหลือตัวเอง ตามที่ปรากฏเหตุการณ์ไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ สน.คันนายาว นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด พร้อมทีมสายไหมต้องรอด พาผู้เสียหายทั้ง 3 เข้าแจ้งความเอาผิด อดีตพระสงฆ์ เจ้าสำนักลิทธิถวายตัว ซึ่งล่าสุดได้มีการปล่อยคลิปลับ ขณะ 3 คน กำลังมีเพศสัมพันธ์ผ่านวิดีโอคอลกับฝ่ายพระ โดยเหตุเกิดที่สำนักสงฆ์ในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ และบ้านพักของเจ้าสำนัก หมู่บ้านแห่งหนึ่งในพื้นที่ย่านบางเขน กทม. โดยระหว่างแจ้งความ น.ส.เอ ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหวเนื่องจากรู้สึกหวาดกลัว เสียใจ และอับอาย หลังจากพบเห็นคลิปลับที่อีกฝ่ายปล่อยออกมา ทั้งยังให้สื่อทีวีช่องหนึ่ง ที่นำไปเผยแพร่ จึงขอวอนให้ผู้ที่พบเห็นหยุดแชร์หรือนำไปเผยแพร่อีก

น.ส.เอ กล่าวยืนยันว่า คลิปที่เห็น พวกตนโดนบังคับให้ถ่ายและทำตามที่พระต้องการ โดยจะเห็นว่า มีมุมภาพเล็ก ๆ คล้ายเป็นการวิดีโอคอล ซึ่งภาพเล็กดังกล่าวนั้นก็คือ ตัวอดีตพระที่กำลังวิดีโอคอลกับตนและกำลังช่วยตัวเองระหว่างรับชม ฝ่ายอดีตพระยังอ้างว่าเป็นการดึงพลังทางไกล หากไม่ทำตามก็จะอ้างว่า “เทพคุรุ” ระหว่างทำ ตนจะต้องยิ้มให้ตลอด มิเช่นนั้นจะไม่บังเกิดพลัง และจะต้องถ่ายคลิปใหม่หมด ตนได้แต่จำใจคิดว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

สำหรับประเด็นที่อีกฝ่ายโต้ตอบกลับมาว่า ที่กลุ่มผู้เสียหายเอาเรื่องราวมาเผยแพร่ เป็นเพราะความขัดแย้งเรื่องธุรกิจนั้น ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เพราะเรื่องนี้อยู่ในชั้นศาลแล้ว เป็นคดีความที่อดีตเจ้าสำนักกล่าวหา น.ส.เอ และนายบี ยักยอกเงินการเช่าขายวัตถุมงคลของสำนักหลายสิบล้านบาท

ด้านนายเอกภพ เปิดเผยว่า ก่อนที่รายการข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่งจะเผยแพร่ภาพคลิปดังกล่าวออกไปนั้น อยากให้โทรฯ มาพูดคุยกับตนก่อน เพราะตนก็ทราบเรื่องนี้มาโดยตลอด ผู้เสียหายเล่าให้ตนฟังทุกเรื่องหมดแล้ว แต่การปล่อยคลิปตามที่ปรากฏในรายการข่าวนั้น ถือว่าเป็นเรื่องเลวร้ายมาก ไม่คาดคิดว่า สื่อมวลชนจะนำคลิปที่ไม่เหมาะสมดังกล่าวมาเปิดเผยสู่สาธารณะ ผู้เสียหายได้เห็นคลิปเมื่อคืนผ่านโทรทัศน์ช่องนั้น ก็ช็อกอย่างมาก ถือว่าเป็นการข่มขืนซ้ำและซ้ำเติมกัน ตนเลยมองว่าสถานีโทรทัศน์ช่องนั้น มาพูดคุยกับตนสักนิดก็ยังดี ว่าที่มาที่ไปของคลิปนี้เป็นอย่างไร

นายเอกภพเปิดเผยอีกว่า เนื่องจากตนมีพยานหลักฐานเป็นแชตกลุ่มไลน์ที่อดีตพระคนนี้ระบุชัดเจนว่า ต้องการให้ผู้เสียหายทำอะไร รวมทั้งอดีตพระวิดีโอคอลหาผู้เสียหายเอง โดยอ้างว่า หากไม่ทำตามที่อดีตพระคนนี้บอกไป ท่านคุรุจะโกรธ รวมทั้งยังบังคับไม่ให้ผู้เสียหายตั้งคำถามหรือสงสัยใด ๆ ต้องเชื่อเท่านั้น ตนมองว่า ถ้าเมื่อวานนี้ สถานีโทรทัศน์ช่องนั้นโทรฯ มาสอบถามตน ตนก็พร้อมที่จะเปิดเผยแชตดังกล่าวให้ จะได้ไม่ต้องนำคลิปไม่เหมาะสมนั้นออกมา และกลายเป็นการข่มขืนซ้ำเหยื่อ

นอกจากนี้ คลิปที่สถานีโทรทัศน์ช่องนั้นนำมาเปิดเผยนั้น มีการปิดมุมบนขวาเอาไว้ มุมดังกล่าวคือภาพวิดีโอคอลฝั่งของอดีตพระ ตนเลยไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเซ็นเซอร์ปิดตรงนั้น ทำไมถึงไม่ปล่อยออกมาเต็ม ๆ ถ้าปล่อยมุมนั้นออกมาจะได้เห็นชัดเจนว่า นั่นคือภาพวิดีโอคอลโดยที่อดีตพระคนนั้นก็เปิดกล้องอยู่ด้วย

ส่วนกรณีของการยึดทรัพย์ของอดีตพระระหว่างบวชนั้น นายเอกภพชี้แจงว่า ตนไม่เคยระบุว่า จะไปดำเนินการยึดเอง บอกเพียงแค่ว่า ทำตามขั้นตอนของกฎหมาย สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติจะต้องเข้าไปตรวจสอบ ทรัพย์สินที่อดีตพระรายนี้มีระหว่างที่ครองสมณเพศ เพราะเนื่องจากจะต้องส่งคืนทรัพย์สินดังกล่าวสู่ศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องที่อดีตพระคนนี้เคยทำวัตถุมงคลขาย ไม่ว่าจะมีจำนวนเงินเท่าไหร่ ก็ต้องส่งคืนวัดตามจำนวน อันนี้ก็ต้องให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายตรวจสอบต่อไป ไม่เกี่ยวกับตน เพียงแค่เล่าให้นักข่าวฟังเท่านั้น

นายเอกภพ ยังได้ชี้แจงผ่านไปยังสังคมว่า มีหลายคนตั้งคำถามว่า ทำไมผู้เสียหายถึงเชื่อแบบนั้น ตนรู้สึกว่าหลายคนที่คอมเมนต์แบบนี้นั้น ยังคงมีความเชื่อในเรื่องของการขอหวยอยู่เลย นายเอกภพจึงบอกไปว่านี่มันคือความเชื่อ อยากให้ทุกคนมองถึงความกล้าหาญของผู้เสียหายคนนี้ที่กล้าออกมาเปิดโปงเรื่องดังกล่าว เพราะเรื่องนี้ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียและไม่สมควรที่จะเกิดขึ้นอย่างยิ่ง ยังมีอีกหลายคนที่อาจจะหลงเชื่อและตกเป็นเหยื่อของลัทธิประหลาดลัทธินี้ การที่สถานีโทรทัศน์ดังกล่าวนั้น เปิดเผยคลิปเหล่านั้นออกไป ถือเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม กลายเป็นการข่มขืนเหยื่อซ้ำ เป็นไปตามที่ฝั่งสำนักสงฆ์เคยข่มขู่ผู้เสียหาย และเมื่อคลิปดังกล่าวหลุดออกมา อาจจะทำให้เหยื่อรายอื่น ๆ ไม่กล้าออกมา เพราะกลัวถูกเปิดเผยคลิป ทั้ง ๆ ที่ตนและผู้เสียหายต้องการให้เหยื่อออกมาพูดเรื่องนี้เพื่อเปิดปมความจริง

ทั้งนี้สาเหตุที่มาแจ้งความ สน.คันนายาว เพราะมีบ้านเช่าของผู้ก่อเหตุอยู่ในท้องที่นี้ด้วย และน้องผู้เสียหายเคยไปบ้านของผู้ก่อเหตุในพื้นที่คันนายาวด้วย นอกจากเคยพบเจอกันที่ จ.เพชรบูรณ์ แล้ว จึงถือว่ามีสถานที่เกิดเหตุ 2 ที่ คือที่คันนายาวและที่ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งในส่วนการตั้งข้อหานั้น ต้องรอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการสอบปากคำผู้เสียหายอย่างละเอียดก่อน แต่ตนเชื่อว่า อาจจะสามารถดำเนินคดีในเรื่องการข่มขืนได้ เพราะถือว่าเป็นการล่วงละเมิดทางเพศ โดยอาศัยความอ่อนด้อยทางจิตใจ ตนเชื่อว่า ทางพนักงานสอบสวนจะสามารถตรวจสอบพยานหลักฐานต่าง ๆ ได้ หรือแม้กระทั่งการกู้วงจรปิดภายในบ้านหลังนั้น ก็เชื่อว่าจะสามารถทำได้เช่นเดียวกัน

สำหรับประเด็นบ้านเช่าของผู้ก่อเหตุที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ นั้น ผู้เสียหายเปิดเผยเพิ่มเติมว่า มีลักษณะของสำนักสงฆ์เช่นเดียวกัน มีลูกศิษย์ลูกหาเปิดเช่าเอาไว้เพื่อให้อดีตพระรายนี้มาอยู่ นอกจากตนเคยไปหาพระที่บ้านหลังนี้แล้ว ยังมีผู้หญิงคนอื่นเคยเข้าไปหาด้วยและถูกกระทำลักษณะแบบนี้เช่นเดียวกัน บางทีเขาจะลงมาจาก จ.เพชรบูรณ์ มาอยู่บ้านนี้เกือบเป็นอาทิตย์ ลักษณะเป็นบ้านหลังใหญ่หรู มีรั้วรอบขอบชิด ตั้งอยู่ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่ง เวลาจะมีคนเข้าออก ก็ต้องมีบัตรแลกและได้รับอนุญาตทุกครั้ง

หลังจากให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแล้วเสร็จ ผู้เสียหายทั้ง 3 ราย พร้อมด้วยทีมงานสายไหมต้องรอด ก็ได้เข้าไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว และให้ปากคำข้อมูลเกี่ยวกับอดีตพระรายนี้อย่างละเอียดทั้งหมด เพื่อนำไปสู่การดำเนินคดีต่อไป

ด้าน พ.ต.ท.วีระ งามเลิศ รอง ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เบื้องต้นผู้เสียหายทั้ง 3 ราย แจ้งความดำเนินคดีในเรื่องของการข่มขืนกระทำชำเรา โดยทางพนักงานสอบสวนอยู่ในระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานและสอบปากคำอย่างละเอียดว่า จะเข้าข่ายองค์ประกอบความผิดนี้หรือไม่ รวมถึงคดีอนาจารด้วย

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าในส่วนข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานั้น แม้ผู้เสียหายเคยไปบ้านหลังนี้มานานแล้วตั้งแต่ปี 2560 ถึงปี 2565 ก็เตรียมที่จะพาผู้เสียหายไปชี้บ้านจุดเกิดเหตุที่พระได้เช่าเปิดสำนักเอาไว้ แล้วนำไปตรวจร่างกายที่ รพ.ตำรวจ เพื่อนำไปประกอบการสอบปากคำ

ส่วนข้อหาการทำความผิดของอดีตพระที่ชัดเจน คือเรื่องของการนำข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จฯ เนื่องจากเป็นความผิดอาญาแผ่นดินที่ตำรวจสามารถดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ได้ทันที

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการเข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าวนั้น ต้องตรวจสอบก่อนว่า บ้านหลังดังกล่าวนั้น ผู้ครอบครองเป็นคือใคร ถึงจะดำเนินการขอหมายค้นได้ เพราะเนื่องจากมีรายงานว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้น บ้านหลังนี้อยู่ในหมู่บ้านหรูแห่งหนึ่งย่านคันนายาว โดยมีผู้พักอาศัย 5-6 คน แต่ต้องตรวจสอบแน่ชัดว่าใครคือผู้เช่า เป็นอดีตพระดังกล่าวเช่าหรือไม่ โดยอดีตพระรายนี้จะมาพักที่บ้านหลังดังกล่าวประมาณ 1 สัปดาห์ต่อครั้ง พร้อมทั้งเรียกลูกศิษย์ที่อยู่ในกรุงเทพฯ หรือพื้นที่ข้างเคียงมาประกอบพิธีกรรม โดยบรรดาลูกศิษย์ของอดีตพระรายนี้ ทราบว่าหนึ่งในนั้นเป็นตำรวจชั้นประทวนสังกัด ตชด. และตำรวจรายดังกล่าว เป็นคนขับรถให้อดีตพระรายนี้ด้วย