นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมด้วย น.ส.เพ็ญพิสุทธิ์ จินตโสภณ เลขานุการรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา และคณะที่ปรึกษา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ประกอบด้วย นายภัทร ภมรมนตรี นายธกร เลาหพงศ์ชนะ นายพงศกร รัตนาเรืองวัฒนา นายจีระวัฒน์ ลีนะกนิษฐ์ เดินทางตรวจเยี่ยมกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว พร้อมมอบนโยบายแนวทางการปฏิบัติราชการของ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา โดยมี พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเทียว และคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรับมอบนโยบาย

นายพลภูมิ กล่าวว่า  ตนมีความเชื่อมั่นว่า ตำรวจท่องเที่ยวมีความพร้อมในการทำงานเพื่อประชาชนและนักท่องเที่ยว สามารถสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ เป็นหน่วยงานหลักดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว สร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ที่ดี เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และปฏิบัติงานร่วมสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทำหน้าที่ประสานงานให้กับหน่วยงานต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศที่ประจำในประเทศไทย เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างประเทศและช่วยกันขับเคลื่อนร่วมกับภาครัฐและเอกชน เพื่อที่จะดูแลในส่วนของนักท่องเที่ยวให้มั่นใจและรู้สึกปลอดภัยกับการท่องเที่ยว

นายพลภูมิ กล่าวอีกว่า การทำงานของตำรวจท่องเที่ยวนั้น ต้องบูรณาการความร่วมมืออย่างใกล้ชิด ร่วมกับตำรวจท้องที่และตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ลงตรวจพื้นที่ในแหล่งท่องเที่ยวเมืองรอง ที่มีนักท่องเที่ยวหนาแน่นด้วย แต่ในบางพื้นที่นั้นอาจจะไม่มีตำรวจท่องเที่ยวประจำการอยู่ ก็ต้องมีตำรวจท้องที่หรือหน่วยงานท้องถิ่นเข้าร่วมดูแลด้วยเช่นเดียวกัน

“ปีนี้นายกรัฐมนตรี มอบให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดย ททท. ร่วมบูรณาการกับ 12 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงกลาโหม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม เป็นต้น ในการกำหนดกลยุทธ์พัฒนาเมืองรองให้เป็นเมืองน่าเที่ยว ดังนั้นมาตราการความปลอดภัยนักท่องเที่ยวเป็นสิ่งสำคัญของกลยุทธ์การพัฒนาเมืองรองให้เป็นเมืองน่าเที่ยว สามารถเที่ยวได้ตลอด 365 วันด้วย” นายพลภูมิ กล่าว

นายพลภูมิ กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบาย 55 จังหวัดเมืองน่าเที่ยวและการส่งเสริม Soft Power ผ่านกลยุทธ์ 5 Must สิ่งที่ต้องทำ คือ Must beat, Must eat, Must seek, Must buy และ Must see ในส่วนตำรวจท่องเที่ยวนั้น สามารถเสริมได้ในเรื่องของ Must safe นักท่องเที่ยวต้องปลอดภัยเป็นสำคัญ จึงขอเน้นย้ำการทำงานของตำรวจท่องเที่ยว และการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก แก่นักท่องเที่ยว รวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยในการทำงาน การจัดกิจกรรมร่วมกับอาสาสมัครตำรวจท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการกำกับดูแลงานเทศกาลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ให้มีมาตรฐานความปลอดภัย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์การท่องเที่ยวที่ดีของประเทศต่อไป

หลังมอบนโยบายเสร็จสิ้น นายพลภูมิและคณะ ได้เยี่ยมชมการปฏิบัติงานของศูนย์รับแจ้งเหตุและควบคุมสั่งการ หรือ สายด่วนตำรวจท่องเที่ยว 1155  ซึ่งให้บริการและให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมด้วยโอเปอเรเตอร์รองรับการสื่อสารถึง 5 ภาษา คือ อังกฤษ จีน เกาหลี ญี่ปุ่น และรัสเซีย โดยจากปริมาณนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น ศูนย์รับแจ้งเหตุฯ แห่งนี้ ได้ให้บริการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดต่อเข้ามามากถึงกว่า 200 สายต่อวัน