สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ว่า นายทอดด์ แมคเคลย์ รมว.เกษตรนิวซีแลนด์ กล่าวว่า รัฐบาลเวลลิงตันมีความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามพันธกรณีการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ โดยไม่ปิดฟาร์มในประเทศ

แม้เศรษฐกิจของนิวซีแลนด์ขับเคลื่อนด้วยการเกษตร ซึ่งประเทศมีวัวและแกะประมาณ 10 ล้านตัว และ 25 ล้านตัว ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การปล่อยก๊าซเรือนกระจกของนิวซีแลนด์เกือบครึ่งหนึ่ง มาจากภาคส่วนเกษตรกรรม โดยมีวัวเป็นสาเหตุหลัก เนื่องจากเรอและการผายลมของพวกมัน ปล่อยก๊าซมีเทน ขณะที่ปัสสาวะของปศุสัตว์ ปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ

อนึ่ง รัฐบาลนิวซีแลนด์ชุดก่อนหน้า ประกาศแผนการเก็บภาษีการปล่อยมลพิษจากปศุสัตว์ เมื่อปี 2565 เพื่อบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี 2593 แต่การดำเนินการดังกล่าว ได้จุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ เนื่องจากกลุ่มเกษตรกรกลัวว่า มันจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของพวกเขา

กระทั่งเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลนิวซีแลนด์ชุดใหม่ระบุว่า จะถอดบริษัทเกษตรกรรม, บริษัทแปรรูปสัตว์ และบริษัทปุ๋ย ออกจากแผนการกำหนดราคาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในปี 2568

ขณะที่แมคเคลย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า รัฐบาลต้องการช่วยให้เกษตรกรลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านเทคโนโลยี โดยไม่ลดการผลิตหรือการส่งออก อีกทั้งจะมีการจัดตั้ง “กลุ่มปศุสัตว์” กลุ่มใหม่ เพื่อจัดการกับการปล่อยก๊าซมีเทนในภาคส่วนนี้ด้วย.

เครดิตภาพ : AFP