เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 นำกำลังพร้อมหมายจับศาลจังหวัดนนทบุรี ที่ 292/2567 ลงวันที่ 29 มี.ค. 67 เข้าจับกุมตัว นายสมบัติ อายุ 31 ปี ในความผิดฐาน “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จฯ”

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวว่า สำหรับคดีนี้สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงวัยชาว จ.กาญจนบุรี มีฐานะดี อดีตเคยทำงานในตำแหน่งผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการผู้ขายของมหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา ถูกกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐโทรฯมาหลอกลวงว่ามีชื่อผู้เสียหายเป็นผู้กระทำความผิดฐานฟอกเงินและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินไปบัญชีกลุ่มคนร้ายถึง 115 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท

ต่อมาทางชุดสืบสวน กก.2 บก.สอท.2 จึงทำการสืบสวนแกะรอยหาผู้ร่วมขบวนการจนทราบว่ามีผู้ที่เกี่ยวข้องรวมทั้งหมด 76 คน ทำหน้าที่เปิดบัญชีม้า กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศ ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรี ออกหมายจับทั้งหมด 69 หมายจับ มามอบตัวตามหมายเรียก 7 คน โดยมีนายสมบัติ หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการของแก๊งหลอกลวงกลุ่มนี้ที่เปิดบัญชีม้ารองรับการโอนเงินเข้าบัญชี ทางตำรวจไซเบอร์จึงเปิดปฏิบัติการ “SAVIN GOOD MAN” ทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรฯข้ามโลกหลอกเหยื่อ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมตัวได้แล้วทั้งหมด 40 คน และอยู่ระหว่างการติดตามตัวอีก 29 คน โดยติดตามตัวนายสมบัติได้ในพื้นที่ย่านคลองสิบสอง เขตหนองจอก กทม.

พล.ต.ท.วรวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการสอบปากคำ นายสมบัติให้การยอมรับว่า เมื่อช่วงปลายปี พ.ศ. 2566 ตนได้สมัครงานออนไลน์ผ่าน Facebook และได้มีผู้ติดต่อมาเสนองานให้ทำ มีเงินเดือน 8,000-12,000 บาท ต่อมาได้มีรถมารับตนจากพื้นที่คลองแปด อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อไปทำงานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลักลอบข้ามชายแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว

เมื่อไปถึงบริเวณชายแดน นายหน้าได้พาเข้าโกดังแห่งหนึ่งแล้วเดินทะลุออกด้านหลังไปสู่ริมลำน้ำสายคลองลึก จากนั้นได้พาข้ามแม่น้ำด้วยโป๊ะโฟมลูกรอกไปยังที่หมายเป็นอาคารสูง 25 ชั้น ในปอยเปต ติดชายแดนประเทศไทย โดยตนได้ทำงานในที่ตั้งของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ประมาณ 6 เดือน และถูกบังคับให้พักอาศัยอยู่แค่ในสถานที่ที่จัดให้ โดยทำหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารแล้วสแกนใบหน้าในกรณีโอนเงินจำนวนสูงหรือเกิน 5 หมื่นบาท เพื่อโอนเงินต่อไปยังบัญชีอื่น ซึ่งได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 4,000 บาท และค่าสแกนใบหน้าวันละ 1,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นตามยอดจำนวนเงินที่ผ่านบัญชีเข้ามาก่อนได้ตัดสินใจหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวกลับเข้ามายังประเทศไทย ก่อนถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ในที่สุด