จังหวัดตราดและหมู่เกาะเชื่อมโยงเกาะช้าง ถือเป็นพื้นที่สำคัญภายใต้แผนบูรณาการท่องเที่ยวของรัฐบาลในการส่งเสริมให้เกิดการท่องเที่ยวสำราญทางน้ำเชื่อมโยงพื้นที่โดยรอบ ซึ่งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ต่างเล็งเห็นถึงโอกาสและศักยภาพของเส้นทางในการเชื่อมโยง โดยเฉพาะเส้นทางเชื่อมโยงหมูเกาะช้างจังหวัด – สีหนุวิว – ฟูก๊วก ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งในเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 20 (One Belt One Road) Southern Coastal Economic Corridor ภายใต้แผนการผลักดันของรัฐบาลจีน

โดยเชื่อมผ่านจังหวัดของ 3 ประเทศ ไทย กัมพูชา เวียดนาม ซึ่งทุกจังหวัดแต่ล้วนเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ มีแหล่งท่องเที่ยวสําคัญ สามารถเชื่อมโยงการเดินทางได้อย่างสะดวกทั้งทางรถและทางเรือ มีจุดขายของสินค้าและบริการที่มีความแข็งแกร่งและเป็นอัตลักษณ์ นอกจากนี้ ยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่ได้มาตรฐานในการรองรับนักเดินทางคุณภาพสูง มีเครือข่ายภาคธุรกิจในพื้นที่ที่แข็งแกร่ง เส้นทางดังกล่าว จึงถือเป็นเส้นทางแห่งโอกาส ในการทำการตลาดในรูปแบบ 1 Marketing 3 Destination รองรับนักเดินทางคุณภาพและนักธุรกิจไมซ์จากทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ล่าสุด สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ สสปน. หรือ ทีเส็บ จึงได้ร่วมกับสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยพันธมิตรภาครัฐและเอกชนภายในจังหวัดตราด จัดกิจกรรม “CVTEC MICE BUSINESS ROADSHOW 2024” ขึ้น โดยหน่วยงานภาครัฐและ Potential Buyer จากกัมพูชาและเวียดนาม ที่มองเห็นโอกาสในการทำตลาดไมซ์บนเส้นทาง CVTEC ร่วมเดินทางโดยเรือโดยสารจากท่าเรือสีหนุวิว – มายังท่าเทียบเรือคลองใหญ่ เพื่อประเดิมเส้นทางนำร่องสู่การเดินเรือเชื่อมโยงเส้นทางตราด – สีหนุวิว – ฟูก๊วก โดยเชิญกลุ่มเป้าหมายกัมพูชาและเวียดนาม ร่วมทำกิจกรรมสร้างเครือข่ายและเจรจาจับคู่ทางธุรกิจกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและไมซ์บนเกาะช้างและหมู่เกาะเชื่อมโยง เพื่อสร้างโอกาสให้ผู้ประกอบการได้เชื่อมโยงเครือข่ายการทำตลาดร่วมกันในรูปแบบ 1 Marketing 3 Destination รวมถึงเชิญผู้บริหารระดับสูงหน่วยงานภาครัฐกัมพูชาและเวียดนาม เข้าร่วมประชุมนานาชาติ CVTEC ในการหารือขอตกลงร่วมในการเดินเรือเชื่อมโยงชายฝั่งทะเล 3 ประเทศด้วย

“นายภูริพันธ์ บุนนาค” รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ กล่าวว่า การจัดกิจกรรม CVTEC MICE BUSINESS ROADSHOW 2024 ในครั้งนี้ ทีเส็บได้เรียนเชิญ Potential Buyer จากกัมพูชาและเวียดนามที่มองเห็นโอกาสในการทำตลาดนักเดินทางคุณภาพและนักเดินทางไมซ์บนเส้นทางระเบียงชายฝั่งทะเล 3 ประเทศหรือ CVTEC กว่า 35 ราย ร่วมกิจกรรมเจรจาจับคู่ทางธุรกิจและสร้างเครือข่ายกับผู้ประกอบการท่องเที่ยวและไมซ์บนเกาะช้างและหมู่เกาะเชื่อมโยง นอกจากนี้กิจกรรมดังกล่าวยังเป็นเวทีการประชุมนานาชาติ CVTEC (Cambodia Vietnam Thailand Economic Corridor Cooperation Conference) เพื่อนำไปสู่ข้อตกลงร่วมในการเดินเรือเชื่อมโยงชายฝั่งทะเล 3 ประเทศ โดยมีผู้บริหารระดับสูงของจังหวัดและหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องของภาครัฐจากกัมพูชาเวียดนาม เข้าร่วมงานประชุมในครั้งนี้ ณ โรงแรมอัยยะปุระ เกาะช้าง ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีที่ประเทศไทยได้รับเกียรติในการเป็นเจ้าภาพ และมั่นใจว่าการประชุมครั้งนี้ จะนำไปสู่ข้อตกลงในการเดินเรือเชื่อมโยงร่วมกันได้สำเร็จอย่างแน่นอน ทั้งนี้ คาดว่าหากเกิดการเปิดเส้นทางเดินเรือดังกล่าวได้อย่างเต็มรูปแบบ จะมีรายได้เข้าจังหวัดตราดเพิ่มขึ้น ไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาท / ปี

ด้าน คุณชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เส้นทางท่องเที่ยวทางเรือถือเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์ และเชื่อมันว่าหากเส้นทางนี้เปิด จะได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม ปัจจุบันเรามีท่าเทียบเรือคลองใหญ่ที่สร้างเสร็จมานาน หากเรานำท่าเรือตรงนี้มาต่อยอดทางการท่องเที่ยวก่อนในเบื้องต้น ถือเป็นเรื่องดีและควรเร่งดำเนินการ คุณชำนาญยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สำหรับการทำตลาดในรูปแบบ 1 Marketing 3 Destination บนเส้นทาง CVTEC นั้น นอกจากจะทำให้เกิดความร่วมมือในด้านการท่องเที่ยวร่วมกันของ 3 ประเทศแล้ว ยังนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ ทำให้เกิดโอกาสในการต่อยอดทางธุรกิจอื่นๆที่เป็นประโยชน์ร่วมกันในอนาคตอีกด้วย “ในอนาคตเราอาจได้มีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ 3 ประเทศในหนึ่งวัน เช่น “ทานอาหารเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ตราด ทานกลางวันที่สีหนุวิว และมื้อเย็นดูพระอาทิตย์ตกดินที่ฟูก๊วก” คุณชำนาญกล่าวทิ้งท้าย

ด้าน นายณัฐพงษ์ สงวนจิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า จังหวัดตราดถือเป็นจังหวัดที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอันดับต้นๆของไทยอยู่แล้ว การที่จังหวัดยกระดับการเชื่อมโยงการท่องเที่ยวเชื่อมโยงหมู่เกาะช้างกับจังหวัดสีหนุวิวและฟูก๊วก ผ่านเส้นทางเดินเรือเส้นทาง CVTEC นั้นถือเป็นโอกาสในการเพิ่มยอดนักเดินทาง โดยคาดว่าหากการตกลงร่วมกันสำเร็จ และสามารถเปิดเส้นทางเชื่อมโยง 3 ประเทศได้ จะทำรายได้จากการทองเที่ยวของจังหวัดตราดเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30 %

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดพระสีหนุ MR. ลอง ไดเมนเช่ กล่าวว่า จังหวัดพระสีหนุ เล็งเห็นโอกาสของการเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยวคุณภาพสูงบนเส้นทางนี้มานานแล้ว และมีการหารือภายในร่วมกันมาโดยตลอด แต่ในเมื่อสถานการณ์โควิดคลี่คลายลงแล้ว การเดินทางต่างๆ ผู้คนมีความมั่นใจในความปลอดภัยในการเดินทางมากขึ้น อีกทั้งจังหวัดพระสีหนุ มีการเปิดกว้างรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น การประชุม CVTEC ในครั้ง นี้ จึงมั่นใจว่าจะนำไปสู่ความเห็นร่วมกันเพื่อเกิดการเดินเรือรอบปฐมฤกษ์ได้สำเร็จอย่างแน่นอนในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ ยังกล่าวเสริมเพิ่มเติมว่า แม้ธรรมชาติทางทะเลของกัมพูชาจะมีความเป็นธรรมชาติสูง แต่การบริหารจัดการสถานที่ท่องเที่ยวในพื้นที่เกาะช้าง จะเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการจาก 2 ประเทศจะได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ร่วมกันได้เป็นอย่างดี

ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดกาเมา Mr. เหวียน มิน ลูน กล่าวว่า กัมพูชาและเวียดนาม มีการเดินเรือเพื่อการท่องเที่ยวเชื่อมโยงระหว่างกันอยู่แล้ว ดังนั้น หากการประชุมในครั้งนี้นำไปสู่ความสำเร็จ ก็จะเป็นโอกาสอันดีในการเชื่อมโยงให้นักเดินทางคุณภาพชาวกัมพูชา เวียดนาม รวมถึงนักเดินทางคุณภาพจากต่างประเทศ ได้มีโอกาสเดินทางมาสัมผัสประสบการณ์การเดินทางทางทะเลมายังประเทศไทย เกิดเป็นการเดินทางเชื่อมเส้นทาง 3 ประเทศ ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง..