“ปิศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ทีมอันดับ 4 บนฟีฟ่า แรงกิ้ง ในปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งทีมแกร่งในทศวรรษนี้ จากผลงานที่โดดเด่นในการคว้าอันดับที่ 3 ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย แม้ว่าจากนั้นมา ปิศาจตัวนี้จะไม่สามารถเข้าใกล้การคว้าเกียรติยศ ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่ผ่านมา จนเกิดการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งกุนซือ แต่ความหวังของพวกเขาถูกปลุกขึ้นมาอีกครั้ง จากผลงานที่ยอดเยี่ยมในรอบคัดเลือก ซึ่งนักเตะซูเปอร์สตาร์หลายคนสามารถคั้นฟอร์มเด่นออกมาได้ น่าติดตามต่อว่า ขุนพล “เรด เดวิลส์” จะสามารถแก้มือเพื่อเรียกศรัทธาจากแฟนบอลให้กลับคืนมาได้หรือไม่
ผลงานยูโร 2020 : รอบ 8 ทีมสุดท้าย แพ้ ทีมชาติอิตาลี 1 -2
ฟุตบอลโลก 2022 : รอบแบ่งกลุ่ม ตกรอบจากการเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม
รอบคัดเลือกยูโร 2024 ชนะ 6 เสมอ 2 ไม่แพ้ใคร ยิง 19 เสีย 4 ผ่านเข้ารอบสุดท้ายในฐานะแชมป์ กลุ่มเอฟ
ผู้จัดการทีม
เป็นครั้งแรกสำหรับ “โดมินิโก ทาเดสโก” กุนซืออิตาเลียนวัย 38 ปี ที่ได้รับงานคุมทีมชาติ โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวสร้างชื่อจากการคุมทีมดังเมืองเบียร์อย่างสโมสร “แอร์เบ ไลป์ซิก” ทาเดสโก ถือเป็นกุนซือหนุ่มที่น่าจับตามองในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะมีแนวทางการทำทีมที่เน้นเกมบุกด้วยระบบ 3-4-1-2 ที่สร้างเกมจากแดนหลัง ใช้แดนกลางเชิงพลกำลัง และให้ฟูลแบ๊กเติมเกมรุกอย่างเต็มสูบ เจ้าตัวเปิดหัวได้สวยงามกับ “เรด เดวิลส์” ด้วยการพาทีมตบเท้าเข้าสู่รอบสุดท้ายยูโร 2024 ได้สำเร็จ
นักเตะที่จับตามอง
“เควิน เดอ บรอยน์”
ติดทีมชาติชุดใหญ่ : 99 นัด (2010-ปัจจุบัน)
หนึ่งใน “มิดฟิลด์ตัวรุกที่เก่งที่สุด” ในประวัติศาสตร์โลกฟุตบอล ด้วยวัย 32 กะรัต เจ้าตัวยังคงโลดแล่นอยู่บนเวทีระดับสูง ทั้งในระดับสโมสรกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี และระดับทีมชาติ กับการสวมปลอกแขนกัปตัน เรด เดวิลส์ ซึ่งแสดงถึงความสำคัญของ เดอ บรอยน์ ที่มีต่อทีมชาติ โดยมีสถิติ 26 ประตู 49 แอสซิสต์ เป็นเครื่องยืนยันถึงสิ่งนั้น แม้ปัจจุบันต้องยอมรับว่าอาการบาดเจ็บเริ่มเล่นงานเขาเข้าอย่างจัง แต่เมื่อใดที่ เดอ บรอยน์ พร้อม เขาคือเครื่องจักรที่ทำลายเกมรับคู่ต่อสู้ และเปลี่ยนเกมได้ด้วยการส่งบอลเพียงครั้งเดียว
“เฌเรมี โดกู”
ติดทีมชาติชุดใหญ่ : 21 นัด (2020 -ปัจจุบัน)
เชื่อว่าชื่อนี้คงคุ้นหูใครหลายคนดี เพราะปีกจอมพลิ้วจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี รายนี้ถูกจับตามองตั้งแต่ยังเป็นดาวรุ่ง โดยหมายมั่นว่าเพชรเม็ดนี้จะขึ้นมาเป็นผู้นำแนวรุกในยุคใหม่ของทีมชาติ โดยเจ้าตัวทำผลงานได้น่าประทับใจในศึกยูโร 2020 ที่ผ่านมา วาดลวดลายเลี้ยงตะลุยทางฝั่งซ้าย แหวกแนวรับคู่แข่งดื้อ ๆ น่าสนใจอย่างยิ่งว่า โดกู ที่ผ่านมือของ “เปป กวาร์ดิโอลา” กุนซือนักปั้นดาว จะแสดงผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่แฟน ๆ ได้หรือไม่ ในทัวร์นาเมนต์นี้ นอกเหนือจากนี้ ทัพปิศาจแดงยังอุดมไปด้วยนักเตะชื่อดัง อย่าง โรเมลู ลูกากู, เลอันโดร ทรอสซาร์, ยูริ ตีเลอมันส์, โธมัส มูนิเยร์, ยาน แฟร์ตองเกน และ ทิโมธี คาสตาญ
โอกาสเข้ารอบ
จากผลงานในรอบคัดเลือก รวมถึงความพร้อมของทีม ถ้าไม่เกิดอุบัติเหตุฟุตบอล ทีมชาติเบลเยียมจะตบเท้าเข้าสู่รอบต่อไปอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นทีมที่มีชื่อชั้นเหนือกว่าทุกทีมในกลุ่ม โดยหากพวกเขาเก็บชัยชนะนัดแรกเหนือสโลวาเกียได้ โอกาสเข้ารอบจะสดใส โดยผลงานนัดต่อจากนั้นจะเป็นตัวบ่งชี้ว่า จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มได้ตามคาดหรือไม่
โปรแกรมการแข่งขัน
วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน เวลา 23.00 น. : ทีมชาติสโลวาเกีย
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 03.00 น. : ทีมชาติโรมาเนีย
วันพุธที่ 26 มิถุนายน เวลา 23.00 น. : ทีมชาติยูเครน