“ตราไก่” ฝรั่งเศส ชาติที่มีดีกรีเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัย และแชมป์ฟุตบอลยูโร 2 สมัย ในปี 1984 และปี 2000 หนึ่งในชาติมหาอำนาจแดนน้ำหอมที่มักจะมีโมเมนต์สำคัญๆ ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่อยู่ตลอดทั้งดีและร้าย ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 พวกเขาดันโชคร้าย ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายจากการแพ้ดวลจุดโทษกับสวิตเซอร์แลนด์ แบบช็อกยุโรป ทำให้พวกเขาห่างจากการเป็นแชมป์มาแล้วมากกว่า 20 ปี
ในคราวนี้พวกเขาจึงอยากกลับมาแก้มืออีกครั้งด้วยขุมกำลังระดับโลกแทบจะในทุกตำแหน่ง พวกเขามาพร้อมกับฟอร์มอันยอดเยี่ยมจากรอบคัดเลือก เมื่อพวกเขาลงเล่น 8 นัด ชนะไปถึง 7 นัด และเสมอแค่นัดเดียว ไม่แพ้ให้กับทีมชาติใดเลย ทั้งยังยิงประตูไปเกือบ 30 ลูก และเสียประตูแค่ 3 ลูกเพียงเท่านั้น นี่อาจจะเป็นอีกทัวร์นาเมนต์ที่พวกเขาน่าจะมีผลงานที่ดี เหมือนในศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่พวกเขาเข้าไปได้ถึงรอบชิงชนะเลิศ
ผู้จัดการทีม “ดิดิเยร์ เดชองส์”
กุนซือเพียงไม่กี่คนในประวัติศาสตร์ที่คว้าถ้วยแชมป์ที่สุดของโลกอย่าง ฟุตบอลโลกได้ ทั้งในฐานะนักเตะและฐานะผู้จัดการทีม ในวัย 55 ปี เขายังสามารถคุมทีมชาติฝรั่งเศสให้บินสูงและเป็นหนึ่งในยักษ์ใหญ่ของโลกในปัจจุบัน จึงทำให้ทุกครั้งที่มีฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ใกล้เข้ามา ทีมชาติฝรั่งเศสมักจะถูกวางให้เป็นตัวเต็งอยู่เสมอๆ ด้วยความเข้าใจนักเตะและการวางแทคติกด้วยระบบการเล่น 4-2-3-1 ของเดชองส์ นำมาสู่เกมการแข่งขันระดับคุณภาพ อย่างเช่น ในนัดชิงฟุตบอลยูโร 2016 ที่พวกเขาต้องพบกับโปรตุเกส ถึงแม้ท้ายที่สุดพวกเขาจะพ่ายแพ้ แต่เกมในวันนั้นถือเป็นเกมระดับ 5 ดาว ครั้งนี้ ดิดิเยร์ เดชองส์ จะพาทีมชาติฝรั่งเศสเข้าไปชิงดำได้อีกหรือไม่ แฟนๆ ตราไก่คงได้ลุ้นยาวๆ อย่างแน่นอน
ผู้เล่นน่าจับตามอง
“คีลิยัน เอ็มบัปเป”
ลงเล่นให้ทีมชาติ : 77 นัด (2017-ปัจจุบัน)
ดาวถล่มประตูเจ้าของฉายา ประธานเป้ คือหนึ่งในนักเตะที่ถูกจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของโลก ณ เวลานี้ ในเรื่องของฝีเท้าที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสามารถระดับโลกของเขาอย่างแน่นอน เขาเป็นเหมือนเครื่องหมายแห่งความสำเร็จต่อจากคริสเตียโน โรนัลโด และนี่ถือเป็นอีกหนึ่งถ้วยรางวัลที่เขายังไม่สามารถเอื้อมไปถึงได้ จึงไม่แปลกใจหากเอ็มบัปเป จะต้องการทำผลงานให้ดีที่สุด เพื่อพาทีมไปถึงจุดหมายที่วาดไว้ในฐานะกัปตันทีม ที่จะโอกาสได้ขึ้นไปรับถ้วยด้วยตัวเขาเอง นำมาประดับบารมีของตน น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่าตัวเขาจะระเบิดฟอร์มออกมาได้มากน้อยแค่ไหน
“วิลเลียม ซาลิบา”
ลงเล่นให้ทีมชาติ : 13 นัด ปราการหลังฟอร์มแจ่มจาก ‘ปืนใหญ่’ อาร์เซนอล ตลอดฤดูกาลที่ผ่านมา เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมจนถูกเรียกติดทีมชาติ ถึงแม้เขาจะมีประสบการณ์ในทีมชาติน้อยกว่าเพื่อนร่วมทีม และมักจะถูกจับนั่งไว้ที่ม้านั่งสำรองอยู่ตลอด แต่ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรในครั้งนี้ เชื่อว่ากองหลังรายนี้จะได้รับโอกาสในการลงมาโชว์ฟอร์มอย่างแน่นอน ถึงแม้ทีมชาติฝรั่งเศสจะมีกองหลังฝีเท้าดีมากมายแต่ ซาลิบา จะเป็นอีกหนึ่งชื่อในรายการนี้ที่กลายมาเป็นกำลังหลักของฝรั่งเศสในอนาคตได้
“โอเรเลียง ชูอาเมนี”
ลงเล่นให้ทีมชาติ : 31 นัด (2021-ปัจจุบัน)
ห้องเครื่องของ “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด วัย 24 ปี กลายเป็นตัวหลักให้กับทีมชาติและสโมสรมาตลอด 2 ปีหลัง ด้วยความสามารถระดับโลก เครื่องการันตีคือการเอ่ยปากชม คาร์โล อันเชลอตติ ว่านี่คือหนึ่งในกองกลางระดับโลกไปแล้วอีกหนึ่งคน สิ่งนั้นสามารถเห็นได้จากการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ครั้งที่ผ่านมา เขาลงเล่นเป็นตัวจริงทุกเกมตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดชิง บ่งบอกถึงความสำคัญของตัวเขาได้เป็นอย่างดี ด้วยอายุและประสบการณ์ที่เพิ่มขึ้นนั้น ทำให้ ชูอาเมนี จะกลายเป็นห้องเครื่องที่น่าจับตา ภายใต้การคุมทีมของ ดิดิเยร์ เดชองส์
โอกาสเข้ารอบ
ทีมชาติฝรั่งเศส อยู่ในกลุ่มเดียวกับ เนเธอร์แลนด์, ออสเตรีย, โปแลนด์ ด้วยชื่อชั้นของทีมชาติฝรั่งเศส พวกเขามีภาษีที่ดีที่สุดในการผ่านเข้ารอบต่อไปได้ในอันดับที่ 1 เลยด้วยซ้ำ เมื่อมองถึงขุมกำลังนักเตะและมันสมองของผู้จัดการทีม การเอาชนะทีมชาติอื่นในกลุ่มนี้ เพราะไม่มีใครสามารถเอาชนะพวกเขาได้เลยเมื่อย้อนไปดูผลงานที่เคยพบเจอกัน ซึ่งนี่น่าจะเป็นสัญญาณที่บอกได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในกลุ่มนี้ ถึงแม้ว่าสถิติต่างๆ มักจะไม่สามารถการันตีผลการแข่งขันได้ 100 เปอร์เซ็นต์ ก็ตาม มาดูกันว่าทีมชาติฝรั่งเศสจะรักษาสถิตินี้ต่อไปได้หรือไม่ หรือจะมีใครมาหยุดมันเอาไว้
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติฝรั่งเศส
วันอังคารที่ 18 มิถุนายน เวลา 02.00 น. (คืนวันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน) : พบ ออสเตรีย
วันเสาร์ที่ 22 มิถุนายน เวลา 02.00 น. (คืนวันศุกร์ที่ 21 มิถุนายน) : พบ เนเธอร์แลนด์
วันอังคารที่ 25 มิถุนายน เวลา 23.00 น. : พบ โปแลนด์