สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ว่า รัฐบาลฟิลิปปินส์กล่าวว่า จะยังคงรักษาและให้การสนับสนุนด่านหน้าในทะเลจีนใต้ต่อไป โดยไม่จำเป็นต้อง “ขออนุญาต” จากประเทศอื่น ซึ่ง “ไม่สมเหตุสมผล, ไร้สาระ และยอมรับไม่ได้”

“การดำเนินงานนั้น เกิดขึ้นภายในน่านน้ำอาณาเขต และเขตเศรษฐกิจจำเพาะของเรา” นายเอดูอาร์โด อาโน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ กล่าว “เราจะไม่ถูกขัดขวางจากการแทรกแซง หรือการข่มขู่จากต่างประเทศ” ส่วนนายเอ็นริเก มานาโล รมว.การต่างประเทศฟิลิปปินส์ กล่าวแบบเดียวกัน

ทั้งนี้ นางเหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวว่า ฟิลิปปินส์ควรแจ้งให้รัฐบาลปักกิ่งทราบล่วงหน้า หากต้องการส่งเสบียงอาหาร หรืออพยพบุคลากรออกจากเรือรบที่ประจำการ อยู่ ณ แนวสันดอนโทมัสที่ 2 ในทะเลจีนใต้ ซึ่งเป็นหนึ่งจุดที่จีนอ้างสิทธิ แต่ฟิลิปปินส์มองว่าเป็นส่วนหนึ่งของเขตเศรษฐกิจจำเพาะของตน 

ขณะที่รัฐบาลปักกิ่งได้ห้ามการส่งมอบวัสดุก่อสร้าง ให้กับเรือบีอาร์พี เซียร์รา มาเดร ซึ่งเป็นเรือในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่รัฐบาลมะนิลายังคงใช้เป็นด่านหน้าทางทหารในบริเวณนี้ ตั้งแต่ปี 2542

อาโนกล่าวถึง “การกระทำที่ก้าวร้าว” ของหน่วยยามฝั่งจีนต่อเรือของฟิลิปปินส์ ขณะที่ทำการอพยพทหารป่วยออกจากเรือลำดังกล่าวเมื่อวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งป่าเถื่อนและไร้มนุษยธรรม “การกระทำดังกล่าว ไม่เพียงละเมิดกฎหมายการเดินเรือระหว่างประเทศเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานด้วย”

นอกจากนี้ รายงานฉบับล่าสุดกล่าวหากองกำลังจีนว่า ยึดอาหารและเวชภัณฑ์สำหรับกองทหารฟิลิปปินส์ ที่เรือบีอาร์พี เซียร์รา มาเดร “เป็นสิ่งที่น่าตำหนิและรับประกันว่าจะมีการสอบสวนอย่างละเอียด” หัวหน้าฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติกล่าว

ความขัดแย้งครั้งล่าสุดระหว่างมะนิลาและปักกิ่ง เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดีเฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ยืนยันการอ้างสิทธิเหนือทะเลจีนใต้ ซึ่งเขาให้คำมั่นว่า จะไม่ยอมจำนน ต่อกรณีการโต้แย้งทางทะเล ส่วนอาโนกล่าวเสริมว่า ฟิลิปปินส์ยังคงเปิดกว้างในการพูดคุยและการเจรจาอย่างสันติ เพื่อแก้ไขข้อพิพาทในน่านน้ำ แต่เสริมว่า “จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน และการปฏิบัติตามกฎหมายระหว่างประเทศ”.

เครดิตภาพ : AFP