สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ว่า ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ครั้งที่ 10 นับตั้งแต่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปโดยตรงเป็นครั้งแรก เมื่อปี 2522 โดยประชาชนในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทั้ง 27 แห่ง ใช้สิทธิระหว่างวันที่ 6-9 มิ.ย. ที่ผ่านมา เพื่อเลือกตั้งสมาชิกชุดใหม่ทั้ง 720 ที่นั่ง ปรากฏว่า พรรคประชาชนยุโรป (อีพีพี) ซึ่งเป็นพรรคสายกลาง จะยังคงครองเสียงข้างมากในสภา


ทั้งนี้ เอ็กซิตโพลคาดการณ์ว่า พรรคอีพีพีซึ่งเป็นการรวมตัวของพรรคสายกลางในยุโรป จะได้รับการเลือกตั้งรวมกัน 189 ที่นั่ง ขณะที่พรรคสังคมนิยมและประชาธิปไตย (เอสแอนด์ดี) ซึ่งเป็นพันธมิตรฝ่ายซ้าย จะได้รับการเลือกตั้งรวมกันเป็นอันดับสอง คือ 135 ที่นั่ง ตามด้วยพรรครีนิวยุโรป ซึ่งเป็นพรรคเสรีนิยม ได้รับการเลือกตั้ง 83 ที่นั่ง และกลุ่มการเมืองสายอนุรักษนิยมได้รับการเลือกตั้งรวมกัน 72 ที่นั่ง

DW News

ผลที่ออกมาหมายความว่า ยังไม่มีพรรคใดได้รับเสียงสนับสนุนเพียงพอครองเสียงข้างมากอย่างเด็ดขาด คือ 321 ที่นั่งเป็นอย่างน้อย แต่ผลการเลือกครั้งครั้งนี้ เพิ่มโอกาสให้กับนางอัวร์ซูลา ฟอน แดร์ เลเยน นักการเมืองชาวเยอรมันจากพรรคอีพีพี ในการดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (อีซี) เป็นสมัยที่สองติดต่อกัน

DW News


ส่วนกลุ่มพรรคขวาจัดและต่อต้านขั้วอำนาจเก่าในยุโรป จะได้รับการเลือกตั้ง 58 ที่นั่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งเป็นรายประเทศ ปรากฏว่า พรรคขวาจัดในฝรั่งเศส อิตาลี และออสเตรีย ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่ผลการเลือกตั้งในเยอรมนีและเนเธอร์แลนด์ ปรากฏว่า พรรคขวาจัดอยู่ในอันดับที่สอง


ทว่าพันธมิตรพรรคการเมืองขวาจัดในยุโรป ยังมีจุดยืนด้านนโยบายแตกต่างกันในบางเรื่อง โดยเฉพาะสงครามในยูเครน และนางมารีน เลอ แปน ผู้นำฝ่ายขวาจัดของฝรั่งเศส มองว่าพรรคทางเลือกเพื่อเยอรมนี (เอเอฟดี) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของเยอรมนี “สุดโต่งเกินไป”.

เครดิตภาพ : AFP