สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ว่า ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยุบสภาผู้แทนราษฎร และเตรียมจัดการเลือกตั้งใหม่ก่อนกำหนดสำหรับฝ่ายนิติบัญญัติ 577 ที่นั่ง ในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ และรอบสองในวันที่ 7 ก.ค. สำหรับเขตเลือกตั้งที่ไม่มีผู้สมัครคนใด ได้รับเสียงสนับสนุนขาดลอย


ทั้งนี้ มาครงให้เหตุผลอย่างตรงไปตรงมา เกี่ยวกับการตัดสินใจยุบสภาครั้งนี้ ว่าเกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ซึ่งผลคะแนนที่ออกมา “ไม่ดีตามที่คาดการณ์ไว้ สำหรับผู้ที่เป็นฝ่ายต้องปกป้องยุโรป” และเตือนว่า อนาคตของยุโรป “เสี่ยงที่จะถูกปิดกั้น” จากการที่เอ็กซิตโพลของการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปในหลายประเทศ เป็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือ พรรคการเมืองขวาจัดได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

FRANCE 24 English


อนึ่ง ผลอย่างไม่เป็นทางการของการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ในส่วนของฝรั่งเศส ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง 81 จาก 720 ที่นั่ง ปรากฏว่า พรรคแนวร่วมชาติ (อาร์เอ็น) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดของนางมารีน เลอ แปน อาจคว้าที่นั่งได้เกือบ 40%


มาครงประณามฝ่ายขวาจัดและเลอ แปน “นำความยากจนกลับมาสู่ยุโรป” และ “บ่อนทำลายภาพลักษณ์” ของประเทศ ดังนั้น ในฐานะผู้นำฝรั่งเศส เขาไม่อาจเพิกเฉยกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และขอให้ประชาชนตัดสินใจ ผ่านการเลือกตั้งครั้งใหม่ภายในประเทศ โดยขอให้ “ชาวฝรั่งเศสผู้รักชาติ” ออกมาใช้แสดงออกร่วมกัน


ขณะที่นายจอร์แดน บาร์เดลลา ผู้นำพรรคอาร์เอ็น ในการเลือกตั้งสภายุโรปครั้งนี้ กล่าวถึงผลคะแนนที่ออกมาว่า “บ่งชี้ความปรารถนาของชาวฝรั่งเศสที่ต้องการเปลี่ยนแปลง”


ด้านนักวิเคราะห์มองว่า การตัดสินใจของมาครงในการยุบสภาครั้งนี้ “เป็นเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูง” ย้อนกลับไปเมื่อปี 2540 ประธานาธิบดีฌัก ชีรัก ผู้นำฝรั่งเศสในเวลานั้น ยุบสภาแต่กลับกลายเป็นว่า พันธมิตรพรรคฝ่ายซ้ายชนะการเลือกตั้ง เหนือรัฐบาลที่เป็นฝ่ายขวา


ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศสครั้งต่อไป จะเกิดขึ้นในปี 2570 ซึ่งมาครงไม่สามารถลงสมัครได้อีก เนื่องจากดำรงตำแหน่งครบสองสมัยติดต่อกันแล้ว ทว่า เลอ แปน ยังคงลงสมัครได้ แต่พรรครัฐบาลยังไม่มีตัวแทนลงสมัคร แม้มีการคาดการณ์ว่า จะเป็นนายกาเบรียล อัตตาล นายกรัฐมนตรี.

เครดิตภาพ : AFP