เมื่อวันที่ 9 มิ.ย. โลกออนไลน์ต่างออกมาแชร์ข้อความจาก “ทนายเจมส์” นิติธร แก้วโต ทนายความชื่อดัง หลังจากที่ได้ออกมาโพสต์คติการใช้ชีวิตคู่ โดยระบุว่า “เมื่อคนเคยรักต้องกลายมาเป็นศัตรู ทั้งคู่ก็พร้อมจะขุดเรื่องแย่ๆ ของอีกฝ่ายขึ้นมาฟาดใส่กันทันที ในทุกๆ สนามรบของคนเคยรัก มักจะมีเด็กน้อยแอบร้องไห้ใต้ผ้าห่มเสมอ” สมมุติ เพื่อนลูกที่ รร. เห็นข่าวแล้วถามเรื่องพ่อแม่ ลูกจะรู้สึกอย่างไร และถ้าสมมุติแรงๆ แรงกว่าอีกนั้น คือ เด็กๆ ล้อกันใน รร. ????? แค่นึกก็เจ็บแทนเด็กแล้วครับ

โดยทนายเจมส์ ยังได้แสดงความเห็นอีกด้วยว่า “แม้จะไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน สามีไปทำมาค้าขาย ส่วนภรรยาเลี้ยงบุตรเป็นแม่บ้าน และสามีออกเงินซื้อที่ดินปลูกตึกและสิ่งปลูกสร้างลงในที่ดิน แต่ก็ถือว่า เป็นทรัพย์สินที่ทำมาหาได้ร่วมกัน สามีภรรยามีสิทธิ์คนครึ่ง”

พร้อมทั้งยังได้เผยฎีกาเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยระบุ “ฎีกา 83/2512 การที่ชายหญิงแต่งงานกันโดยมิได้จดทะเบียนสมรสแม้ทางกฎหมายจะไม่ถือว่าเป็นสามีภริยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย ก็หากระทบกระเทือนถึงสิทธิในทรัพย์สินที่ชายหญิงจะพึงมีพึงได้ตามกฎหมายทั่วไปไม่” ในระหว่างที่ผู้ร้องกับจำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่ตามพฤติการณ์ที่ผู้ร้องกับจำเลยปฏิบัติต่อกัน เช่น ผู้ร้องไปทำมาค้าขายโดยตนเอง ส่วนจำเลยเลี้ยงบุตรเป็นแม่บ้าน และผู้ร้องออกเงินซื้อที่ดินปลูกตึกและสิ่งปลูกสร้างลงในที่ดิน แล้วผู้ร้องจำเลยกับบุตรก็เข้าอยู่ด้วยกันตลอดมา ก็เป็นการแสดงว่าผู้ร้องกับจำเลยได้ร่วมกันทำมาหากินแสวงหาทรัพย์สินมาเป็นสมบัติของผู้ร้องและจำเลยร่วมกัน ทั้งมีเจตนาที่จะเป็นเจ้าของในทรัพย์พิพาทโดยใช้เป็นที่อยู่อาศัยร่วม กันพฤติการณ์ดังกล่าวจึงเห็นได้ว่าบรรดาทรัพย์ที่ผู้ร้องหรือจำเลยหามาได้ระหว่างนั้น แม้จะเป็นด้วยแรงหรือเงินของฝ่ายใดก็ไม่สำคัญ ก็ต้องถือว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาโดยทั้งสองฝ่ายมีเจตนาที่จะเป็นเจ้าของร่วมกันและเมื่อผู้ร้องกับจำเลยได้จดทะเบียนสมรสกันทรัพย์ทั้งหมดโดยเฉพาะทรัพย์พิพาทจึงเป็นสินบริคณห์ประเภทสินเดิมของผู้ร้องและจำเลยเท่าๆ กัน..

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @ทนายเจมส์ LK