ในปัจจุบันหลายๆองค์กร ได้หันมา ให้ความสังคมกับ เรื่อง “รักษ์สิ่งแวดล้อม” และ “ความยั่งยืน” หรือ Sustainable ที่กำหลังเป็นเทรนด์ ที่ถูกหยิบยกมาพูด ถึงอย่างกว้างขว้าง!!
ในแวดวง “ไอที -โทรคมนาคม” ก็ถือเป๋นภาคธุรกิจที่มีการส่วนที่ทำให้ “โลกร้อน”มากขึ้น จึงมีการวางนโยบาย ให้การดำเนินธุรกิจต้อง ลดก๊าซเรือนกระจก สู่เส้นทาง Net Zero ในอนาคต
วันนี้ คอลลัมน์ ชีวิตติด TECH จะพามาดูแผนของ “ทรู คอร์ปอเรชั่น” ที่หลังได้ ควบรวม กับ “ดีแทค” แล้วจะมี แผนงาน และวีธีอย่างไร? ในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม
“ทรู คอร์ปอเรชั่น” ได้วางเป้าหมาย องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ในปี 73 และองค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ในปี 93 โดย มุ่งเน้นให้เกิดการใช้พลังงาน อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานหมุนเวียน พร้อมนำเทคโนโลยีมาช่วยให้บรรลุป้าหมาย
ที่ผ่านมาการดำเนินงานของทรู 98% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาจากการใช้ไฟฟ้าในโครงข่าย และ พลังงานไฟฟ้าเกือบทั้งหมดหรือมากกว่า 97% ถูกนำไปใช้ในโครงข่ายเป็นหลัก การการยกระดับประสิทธิภาพ ของโครงข่าย พร้อมนำเข้าโซลูชันและระบบอัจฉริยะต่างๆ มาใช้จึงเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมาย ด้านสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบด้านสภาพภูมิอากาศ
อย่างไรก็ตาม ในปี 66 ที่ผ่านมา ทรู คอร์ปอเรชั่น สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึง 12.7% เมื่อเทียบกับปีฐาน 63 ซึ่งใกล้เคียงกับเป้าหมายของ Science Based Targets initiative (SBTi) ที่ 12.6% และดีกว่าค่าเฉลี่ยในอุตสาหกรรมเดียวกันตามรายงานของสมาคมผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระดับโลก ( GSMA ) ที่ระบุว่าการลดการปล่อยก๊าซของผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั่วโลกลดลง 6% ระหว่างปี 62 – 65
สำหรับ กลยุทธ์ ที่ได้เร่งดำเนินการเพื่อเป้าหมายสู่ Net Zero ในปี 2593 คือ เร่งยกระดับเครือข่ายให้ล้ำสมัย (Network Modernization) โดยได้เร่งด้วยการอัปเกรดเสาสัญญาณทั่วประเทศในปี 67 ซึ่งจะทำให้ความเร็วดาต้าและคุณภาพสัญญาณเพิ่มขึ้น ตลอดจนทำให้สามารถเพิ่มความเร็วสูงสุดของ อินเทอร์เน็ตบนมือถือเพิ่มขึ้นทั้ง 5G และ 4G อีกทั้ง ยังประหยัดพลังงานได้มากกว่า
โดยในปี 66 ที่ผ่านมา การพัฒนาเครือข่ายให้ทันสมัย สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้มากกว่า 10,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 4,400 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
นอกจากนี้ได้มีการนำ นำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning (ML) มาใช้ในปฏิบัติการ เครือข่ายเพิ่มมากขึ้น หลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าการนำเทคโนโลยี AI มาใช้ จะช่วยให้ที่สามารถตรวจจับแล ะแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วเพื่อยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า
นอกจากนี้ ยังเป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ โดยในปี 67 ทรู จะขยายโซลูชัน AI ที่เป็นสิทธิบัตรของบริษัท ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 15% ต่อเสาสัญญาณ ซึ่งเทคโนโลยี AI จะช่วยเสริมแกร่งให้เสาสัญญาณสามารถตอบ โจทย์ความต้องการของลูกค้า ได้อย่างแท้จริง!?!
และได้มีแผนเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้เริ่มติดตั้งและใช้ไฟฟ้าจากโซล่าเซลล์ที่สถานีฐาน ตั้งแต่ปี 60 และในปี 66 ได้ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณกว่า 7,800 แห่งและดาต้าเซ็นเตอร์ 1 แห่ง ทำให้สามารถ ประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 45,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 20,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ส่วนในปี ปี 67 นี้ ก็มีแผนที่จะติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ที่เสาสัญญาณรวมเป็น 11,200 แห่ง และดาต้า เซ็นเตอร์อีก 5 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้ประมาณ 64,000 เมกะวัตต์ชั่วโมงต่อปี และสามารถช่วยลด การปล่อย ก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 28,800 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี!!
และยังมีการประเมินความเสี่ยงพื้นที่ติดตั้งเสาสัญญาณ ที่มีโอกาสสร้างผลกระทบความหลากหลายทางชีวภาพ ส่วนขยะ ขยะ e-Waste ที่รวบรวมได้จากการดำเนินธุรกิจและผู้บริโภค นำไป รีไซเคิล 100% ไม่มีการฝังกลบ
นอกจากมาตรการการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพและการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์แล้ว ยังเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการ ผลักดันความร่วมมือด้านนวัตกรรมกับองค์กรต่างๆ เช่น มหาวิทยาลัยและพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อทำวิจัยและพัฒนาโซลูชันต่างๆ เช่น การจัดเก็บแบตเตอรี่ สำหรับพลังงาน แสงอาทิตย์
รวมถึงการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี AI สนับสนุนให้ภาคอุตสาหกรรม ภาคพลังงาน และรัฐบาล สร้างสรรค์นวัตกรรมและเพิ่มโอกาสการเข้าถึงพลังงานสะอาดด้วย
ทั้งหมดเป็นแผนงานกลยุทธ์ของหนึ่งในค่ายมือถือของไทย ที่วางเป้าหมายไว้ว่า จะช่วยลดวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะเรื่อง “โลกร้อน” ที่เป็นเรื่องของทุกฝ่ายต้องร่วมมือกันทำก่อนที่จะสายเกินไป!?!
Cyber Daily
