เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. พ.ต.ท ณภัทร สุทธิธนากูล สารวัตร (สอบสวน) สภ.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ รับแจ้งมีคนงานตกอยู่ในบ่อทรายแล้วถูกทรายทับร่างจนมิดหัว ที่บริษัทท่าทรายแห่งหนึ่งติดแม่น้ำมูล ต.สตึก อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จึงรุดไปตรวจสอบกู้ภัยวังกรูดสตึก ที่เกิดเหตุเป็นท่าทรายขนาดใหญ่ดูดทรายจากแม่น้ำมูลขึ้นมา พนักงานท่าทรายหลายคนได้พาเจ้าหน้าที่ไปดูถังพักทรายช่องที่ 3 ที่คนตกลงไปทราบชื่อต่อมาคือ นายอินทร์สา จ่าปุลิ อายุ 58 ปี อยู่บ้านเลขที่123 หมู่ 11 บ้านกุดชุมแสง ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ จมอยู่ในบ่อทรายนานกว่า 30 นาที หน่วยกู้ภัยจึงเริ่มระดมเอาอุปกรณ์ไปขุดหาร่างเพื่อทำการช่วยเหลือ จนกระทั่งพบนายอินทร์สา อยู่ในท่ายืนตรวจสอบเบื้องต้นเสียชีวิตแล้ว จากนั้นหน่วยกู้ภัยได้ทยอยขุดเอาทรายออก ซึ่งมีความลึกประมาณ 5 เมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.จึงสามารถนำร่างขึ้นมาได้ ท่ามกลางความเสียใจให้กับญาติที่มาคอยลุ้นก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก

สอบถามนายนอน เอนดู อายุ 60 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 128 ม.11 ต.นิคม อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ เพื่อนร่วมงาน เล่าว่าช่วงนั้นเครื่องจักรทำงานตามปกติ คือท่อดูดทรายจะดูดทรายมาจากแม่น้ำมูล แล้วลงท่อพัก 3 ช่อง หลังจากนั้นสายพานจะลำเลียงทรายไปยังด้านนอกเพื่อรอการขนส่งต่อไป ระหว่างนั้นได้ยินเสียงนายอินทร์สา ร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ภายในถังพักทราย ตนเองจึงรีบหยุดเครื่องจักรสายพานลำเลียงทราย และปีนขึ้นไปบนถังพักทรายพร้อมเพื่อนคนงานอีก 4 คน เมื่อขึ้นไปบนถังพักทราย เห็นร่างของนายอินทร์สา ถูกทรายทับไปกว่าครึ่งตัวแล้ว ลักษณะเหมือนจะค่อยๆจมลงอีก เพราะมีทรายค้างท่อไหลลงมาเติมเรื่อยๆ

จากนั้นพวกตนได้ลงไปพยายามดึงแขนให้ขึ้นพ้นจากทราย แต่ดึงไม่ไหว และทรายได้ไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายทรายได้ถมร่างนายอินทร์สา จนมิดหัวไปต่อหน้า จึงรีบแจ้งให้เจ้าหน้าที่มาช่วยดังกล่าว ส่วนสาเหตุที่นายอินทร์สา ลงไปเพราะต้องการจะโกยทรายที่เกาะอยู่ข้างถัง ให้ลงไปยังสายพานส่งทราย จึงเอาพลั่วลงไปหวังจะงัดเอาทรายลงไปยังสายพาน แต่อาจจะคิดไม่ถึงว่าทรายที่ดูดมาจากแม่น้ำทะลักเข้ามาอย่างรวดเร็ว จึงถูกทรายทับร่างดังกล่าว

นายนอน เล่าด้วยว่า จริงแล้วทรายที่เกาะตามผนังถังเก็บทราย ไม่จำเป็นต้องไปทำอะไรมัน ถ้ามันสะสมก็จะหล่นใส่ลงสายพานเอง หรือใช้วิธีเคาะถังด้านนอกทรายก็จะพังลงไป ไม่คิดว่านายอินทร์สา จะลงไปแบบนั้นทั้งที่ทำงานมานานนับสิบปี